ฝึกจิต ขณะขับรถ
ฝึกจิต ขณะขับรถ (ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ )
มีหลายคน สอบถามผม เรื่อง จะปฏิบัติธรรม จะฝึกสติ ในขณะขับรถยนต์ได้อย่างไร ?
ก็ขอให้ลองอ่าน Note นี้ ซึ่งเป็นความเห็นของผมดูนะ ไม่มีใครผิดใครถูกนะครับ เป็นแค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้นเอง อย่าไปจริงจัง อย่าเอาไปเป็นมาตรฐานอะไรนักเลย
(๑) คำว่า "สมาธิ" : ในความหมายที่ผมเข้าใจ คือ "ต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่อกแว่ก "
(๒) ผมใช้คำว่า ฝึกจิตให้เป็นสมาธิ หมายถึง จิตว่าง จิตโล่ง จิตโปร่งสบาย อย่าง ต่อเนื่อง อย่างคงที่ รักษาสภาพจิตว่างโล่งๆได้ตลอดเวลา ได้นาน ๆ _ ดังนั้น อย่าไปนึกว่า ต้อง นั่งปิดตา ดูลมหายใจ หยุดคิด ไม่คิดเลย ตลอดเวลา เพราะ ว่า เราคงทำแบบนั้น ขณะขับรถยนต์ ไม่ได้ ปิดตาขับ ก็ ชนกันแน่ๆ
(๓) "จิตว่าง" : หมายถึง จิตไม่เสวยอารมณ์ จิตปราศจากกิเลส จิตสบายๆ จิตไม่ตก จิตไม่เป็นกุศล จิตไม่เป็นอกุศล จิตโล่ง จิตเป็นอิสระจากความคิด จิตและความคิด เป็นอิสระ ไม่ส่งอิทธิพลต่อกัน
เมื่อจิตว่างๆ กลางอกของเราจะโล่งๆ ตัวเราจะเบาๆ เราจะรู้ตัวทั่วพร้อม มีสติอย่างต่อเนื่อง ความคิดของเรา จะไม่มีกิเลส ไม่มีอคติ ไม่มีลำเอียง
(๔) การขับรถไปด้วย อบรมจิตไปด้วยนั้น เริ่มต้นจาก เรา ต้อง หายใจลึกๆชัดๆ เพื่อ สลัดนิวรณ์ ( ง่วง เบื่อ เซ็ง สงสัย แค้น เครียด ฯลฯ) ออกไปก่อน ทำใจของเราให้สบายๆ โล่งๆ
(๕) อยู่กับความคิดปัจจุบัน ซึ่ง ในการขับรถ "ความคิดปัจจบัน" คือ ขับรถให้ดีๆ เคารพกฏจราจร ขับอยู่ในทาง อยู่ในช่องของตนเอง ระวังรถตัดหน้า หยุดกระทันหัน สิ่งกีดขวาง รถคันหลังจะชนท้ายเราได้ไหม ไฟหน้าสูงเกินไปไหม อันตรายต่างๆ สภาพพร้อมของ รถยนต์ ฯลฯ
(๖) มือ (Hands) ก้น (ass) รับรู้ถึงแรงกระแทก ที่ ล้อทุกล้อ ลมที่กระแทกตัวถัง แรงสะบัดของพวงมาลัย ความร้อน หนาว ฯลฯ เท้า (Feet) ก็รับรู้ พลังของเครื่องยนต์ ความเร็วของรถยนต์ ความร้อน ฯลฯ ตา ก็ มองถนน มองป้ายจราจร ป้ายบอกทาง อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ฯลฯ จมูก ก็รู้ถึง กลิ่นที่ผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น และ หู ก็ รับรู้ ถึง เสียงของเครื่องยนต์ ที่อยู่ในระดับปกติ ลมที่ผ่านตัวรถไป เสียงผิดปกติหากเกิดขึ้น ฯลฯ เป็นการใช้ "กาย" รับรู้ ใช้ อายตนะ ของ หู ตา จมูก รับรู้
(๗) ตัวการใหญ่ ที่ทำให้จิตเกิดอาการ คือ "ความคิดจร" : เป็นความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจคิด ไม่ได้เชื้อเชิญ เป็นความคิดที่มาแซง มาเบียด มาแย่งความคิดปัจจุบัน (คือ ขับรถให้ปลอดภัย) ออกไป เป็นความคิดที่ชวนให้จิตเกิดอาการ เช่น ขับรถไป มองเห็น สาวสวยบนคัทเอ้าท์โฆษณา (แผงป้ายโฆษณา ริมถนน ที่ ชวนให้ จิตหื่นกาม) เมื่อ ตากระทบรูปสาว Sex สัญญา ความคิดปรุงแต่ง (สังขาร) ก็สามารถจู่โจมจิตให้เกิดอารมณ์ได้ ยกเว้น เราจะติดตั้ง ระบบป้องกัน ระบบเตือนถัย ซึ่ง ระบบเตือนและป้องกันนี้ เขาเรียกกันว่า "สติ"
(๘) ดังนั้น ขับรถไป ขับแบบมีสติ ขับแบบ รักษาจิตใจอย่างสบายๆ ทำจิตใจโล่งๆ และ หาก มีความคิดจร ความคิดที่ไม่เป็นปัจจุบัน เช่น คิดถึงสาวสวย หนุ่มหล่อ คิดถึงเรื่องที่ทะเลาะกับแฟน กับใครสักคน กับเจ้านาย โกรธคนที่ขับรถปาดหน้า หยุดกระทันหัน แซงคิว เบียดกินทาง ส่งเสียงดัง มอเตอร์ไซค์ชนกระจกมองหลังด้านข้าง ฯลฯ ก็ให้ รู้เท่าทัน ความคิดจร ที่ ชวนให้จิตของเรา ปรี๊ดๆๆๆๆๆ จี๊ดๆๆๆๆ ออกอาการ หรือแม้น แต่ ฟังเพลงเพราะๆ จน ละ ความคิดปัจจุบัน ผลคือ เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ
(๙) ขณะขับรถ ก็ ทำใจให้โล่งๆ สบายๆ คิดอยู่กับปัจจุบัน อย่าเปิดโอกาสให้ความคิดจรเล่นงานเรา เช่น โกรธ หลง (ใจลอย หลับใน) โลภ (เอาเปรียบ เพื่อนร่วมถนน แซง ปาด โกง เห็นแก่ตัว ไม่มีเมตตา ฯลฯ) หาก มีความคิดจร ถ้าเป็น อกุศล ชวนให้ โกรธ โลภ หลง ก็ดับไป ละไป ให้อภัย ช่างหัวมัน หยวนๆไป
(๑๐) ต้องรู้จัก "สำเหนียก" คือ ถ้าจะฟังเพลง ฟังเทปเสียง สนทนากับใครก็ตาม ฯลฯ ก็ มีสติ ระลึกเสมอว่า เรากำลังควบคุมรถ เป็นวัตถุอันตราย ให้กลับมา ความคิดปัจจุบัน รักษากฏจราจร ดูทาง ฟังเสียงรถ เสียงเครื่อง กะระยะปลอดภัย ฯลฯ
(๑๑) สำเหนียก หมายถึง ทำกิจกรรมหลายๆอย่างพร้อมกันได้ โดย กิจกรรมหลัก ไม่เสียหาย ซึ่ง กิจกรรมหลักในที่นี้ คือ ขับรถอย่างปลอดภัย เคารพกฏจราจร มีน้ำใจ และ ไปถึงที่หมาย
(๑๒) ถ้าง่วง อย่ามีอัตตา อย่าอวดเก่ง อย่าเกรงใจ จง นอน
(๑๓) อย่าประมาท อย่าซิ่ง อย่าคะนอง อย่าเอาปมด้อยมาระบายด้วยการขับรถ อย่าอวดใครว่าขับรถเก่ง อย่าประชดใครด้วยการขับรถเร็ว อย่าเอาชีวิตคนอื่นมาย่อยยับเพราะปมในใจของเรา อย่าเอาท้องถนนมาเป็นที่ระบายอารมณ์
(๑๔) หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย _ ไม่ต้องด่าใคร ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ไม่ต้องมีนิวรณ์ (แค้น อาฆาต กังวล เบื่อ ง่วง เครียด ติดเพลง ติดกินของอร่อย ฯลฯ) _ จิตเป็นปกติ คือ จิตว่างๆ สติต่อเนื่อง นี่แหละ เป็น อธิจิต อธิศีล อธิปัญญา
(๑๕) ขอให้ ทุกท่าน ปลอดภัย มีความสุข เข้าใจเรื่อง จิตเป็นสมาธิ เข้าใจเรื่องความคิดจร เห็นสถาวะที่ว่า "จิต กับ ความคิด" เป็นคนละตัวกัน ทำงานแยกกัน เป็นอิสระต่อกัน
(๑๖) ย้ำ หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย หากใจคอไม่สบาย ก็ จง หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย แบบนี้อีก ตัดความคิดจร ความคิดงี่เง่าออกไป ความคิดหาเลือก ความคิดอวดเก่ง ฯลฯ ออกไป
มีความคิดอยากจะทำอะไรบ้าๆ (ปาดหน้า เอาคืน ตามไปด่า ขอดูหน้า ขอสั่งสอน ประลองความเร็ว ฯลฯ) ก็ดับความคิดนั้นๆ
กายมันฟ้อง ว่า เหนื่อยง่วง เมา ฯลฯ ก็นอน อย่ามีความคิด อวดเก่ง "เอาอยู่" ตายมาเยอะแล้ว
No comments:
Post a Comment