Thursday, April 29, 2010

พยากรณ์อากาศของเผ่าอินเดียแดง

พอถึงฤดูใบไม้ผลิพวกอินเดียนแดงในเขตสงวนแห่งหนึ่งถามหัวหน้าเผ่าคนใหม่ว่า
ฤดูหนาวปีนี้จะหนาวจัดหรือเปล่า…

หัวหน้าเป็นคนสมัยใหม่ไม่ได้เรียนเคล็ดวิชาอ่านลมฟ้าอากาศจากบรรพบุรุษ
แต่ด้วยความกลัวเสียฟอร์มหัวหน้าเผ่า
จึงทำทีแหงนมองฟ้าแล้วบอกว่าปีนี้จะหนาวทารุณ
ขอให้คนในเผ่าเตรียมฟืนไว้ก่อไฟผิงให้มากๆ…
เมื่อตอบแล้วหัวหน้าเผ่าก็แอบโทร.ไปถามกรมอุตุฯ
เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศตอบว่าท่าทางจะหนาวจัด
หัวหน้าเผ่าจึงย้ำให้คนในเผ่าเร่งหาฟืนเพิ่มขึ้น…
สองสามวันต่อมาหัวหน้าเผ่าโทร.ถามกรมอุตุฯให้แน่ใจอีกครั้งา
เจ้าหน้าที่ตอบว่าปีนี้ต้องหนาวแน่นอน
หัวหน้าเผ่าจึงสั่งให้คนในเผ่าเก็บเศษไม้ทุกชิ้นที่หาได้…
พอใกล้ฤดูหนาวหัวหน้าเผ่าโทร.ไปถามที่กรมอุตุฯ อีกครั้ง
“แน่ใจ100 เปอร์เซ็นต์นะว่าปีนี้จะหนาวจัด”
“100 เปอร์เซ็นต์”เจ้าหน้าที่ตอบหนักแน่น
หัวหน้าเผ่าถาม”ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น”
กรมอุตุฯตอบ”พวกอินเดียนแดงพากันออกหาฟืนไม่หยุดเลยครับ!!!

มาจากญี่ปุ่น…

นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย วันสุดท้ายของการเดินทาง
หนุ่มชาวอาทิตย์อุทัยได้เรียกแท๊กซี่ไปส่งที่สนามบินดอนเมือง
ระหว่างทางมีรถฮอนด้า ขับผ่านไป หนุ่มยุ่นรีบโผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างแท๊กซี่
และ ตะโกนว่า รถฮอนด้า วิ่งเร็วมาก มาจากญี่ปุ่น
หลังจากนั้นก็กลับเข้ามา นั่งในรถด้วยใจรักชาติ
ขณะนั้น ได้มีรถโตโยต้า แล่นแซงแท๊กซี่ไปอย่างเร็วชายคนนั้นทำเช่นเคย

“รถโตโยต้า วิ่งเร็วมาก มาจากญี่ปุ่นยังไม่ทันไร รถมิตซูบิชิ
ก็แล่นผ่านไปอีกคัน เขาก็รีบตะโกนทัก
รถมิตซู วิ่งเร็วมาก มาจากญี่ปุ่น”

คนขับแท๊กซี่รู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่ก็ได้แต่เก็บไว้โดยที่ไม่พูดอะไร
แม้จะต้องทนฟังเสียง แบบเดิมอีกหลายครั้ง พอมาถึงที่สนามบิน
มิเตอร์บอกราคาค่าโดยสาร 300 กว่าบาท หนุ่มญี่ปุ่นถึงกับใจหาย

“โอโนว ! ทามมายมันแพงยังงี้”

คนขับแท๊กซี่ได้ใจ หันกลับไปบอกว่า
“มิเตอร์นี้วิ่งเร็วมาก มาจากญี่ปุ่น”

เข้มแข็งเข้าใว้

นักโทษคนหนึ่งหนีออกจากคุกซึ่งติดมาเป็นเวลา 15 ปี เขาหนีเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อจะหาเงินและปืน แต่กลับพบกับสามี ภรรยาคู่หนึ่งอยู่บนเตียง

เขาสั่งให้ผู้ชายออกจากเตียงและมัดไว้กับเก้าอี้ ขณะที่เขามัดผู้หญิงไว้กับเตียง และจูบที่คอ จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อน

ขณะนั้นเองสามีก็กล่าวกับภรรยาว่า :

“ฟังนะ.. ชายคนนั้นเป็นนักโทษหนีคุก? ดูที่เสื้อเขาซิ! เขาอยู่ในคุกหลายปีและไม่เคยเจอผู้หญิงเลย ฉันเห็นเค้าจูบที่คอคุณ ถ้าเขาต้องการเซ็ก อย่าขัดขืน หรือบ่นอะไร ทำอย่างที่เขาบอก ชายคนนี้อันตรายมาก ถ้าทำให้เค้าโกรธ เราอาจจะถูกฆ่า เข้มแข็งไว้นะที่รัก ฉันรักคุณ”

ภรรยาเค้ากลับตอบว่า : “เขา ไม่ได้จูบที่คอฉันหรอกที่รัก เขาแค่กระซิบกับฉันว่าเขาเป็นเกย์ เค้าคิดว่าคุณน่ารัก และถามว่าเรามีวาสลีนมั้ย?? ฉันก็ตอบเค้าไปว่า อยู่ในห้องน้ำ? เข้มแข็งไว้นะที่รัก ฉันก็รักคุณเหมือนกัน”

Wednesday, April 28, 2010

สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ของ อุดม แต้พานิช

> เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ
> ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้าย
> ให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก
> ถ้ามีการแนะนำตัวว่า “นี่เพื่อนฉัน” หมายความว่า “แฟนฉัน”
> ถ้ามีการแนะนำตัวว่า “นี่แฟนฉัน” หมายความว่า “ผัว/เมียฉัน”
> มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี
> แฟนของคนอื่นมักจะสวยกว่าแฟนของตัวเอง
> เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์ เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป 1 จังหวะเสมอ
> ถ้าแอบรักใครอย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า
> เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักทีให้พูดว่าไม่เอาจะได้เร็ว
> ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียทีให้ลุกขึ้นทำท่าจะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งมาทันที
> ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้านไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย
> ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ, พุ่งไม้,ซอกตึก,อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ
> ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
> ระวังคน ที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ
> อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง
> หนังสือดีคือหนังสือที่เราชอบอ่าน,หนังดีคือหนังที่เราชอบดู
> อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ ว่าอย่าบอกใครนะ
> อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว คนล้างจะเสียความรู้สึก
> เรียกยามว่าซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ
> อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ
> รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป
> ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้ ยังไงเพื่อนต้องมี
> อย่าเข้าใกล้หมาตอนกินข้าว
> ตลาด อตก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา
> เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน
> ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป
> คนไม่กินเนื้อไม่ได้แปลว่าเป็นดีเสมอไป
> เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีน ออกจากปากให้หลับตาด้วย
> ปูอัด มันทำจากปลา
> กระเพาะปลามันทำมาจากหนังหมู
> กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า
> อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ

> ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรกอ้วนขึ้นนะ กับประเภทที่ 2ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่าปกติดีนี่ไปทำอะไรมา
> คนที่เอาหมวกตำรวจหรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะบ้านเขาไม่มีตู้ เขาไม่ได้ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร
> คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกันหลายๆตัวเป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา
> คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ
> ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
> จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
> เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดูหน้าที่ตัวเองพูดถึงมักจะหาไม่เจอ
> ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก
> ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต,
> ห้องน้ำผู้ชายผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน

ลูกฝรั่ง ช่างคิด

ในห้องเรียนครูสาวสวยคนหนึ่งกำลังพยายามสอนนักเรียนในวิชาคณิตศาสตร์
เธอยกตัวอย่างโจทย์ให้นักเรียนว่า

“มีนก 3 ตัว เกาะอยู่บนสายไฟ นายพรานเอาปืนยิงโดนนกตัวหนึ่งตกลงมา
จะเหลือนกกี่ตัวบนสายไฟ ?”

“ไม่เหลือเลยครับ” เด็กชายบ๊อบ ตอบด้วยแววตาเด็กมีความคิดอ่าน
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ เอ้า เธอลองคำนวณดูอีกทีสิ”

ครูสาวตอบด้วยความอดทน พร้อมทั้งชูนิ้วขึ้นสามนิ้วประกอบการอธิบาย

“มีนกสามตัวเกาะบนสายไฟ นายพรานยิงไปหนึ่ง”
ครูสาวพูดจบพร้อมทั้งลดนิ้วลงหนึ่งนิ้ว

“จะมีนกเหลืออยู่บนสายไฟกี่ตัวเอ่ย ?”
“ไม่เหลือเลยครับ” เด็กชายบ๊อบตอบย้ำอีกอย่างขึงขัง

ครูสาวชักสงสัยในความมั่นใจของลูกศิษย์
“ง่ายมากครับ” เด็กชายบ๊อบตอบ

“เมื่อนายพรานยิงปืนหนึ่งนัดโดนนกหนึ่งตัว
นกที่เหลือจะตกใจบินหนีไปหมด”

“อืม ดี ถึงแม้ว่าไม่ถูกต้องตามโจทย์และหลักคณิตศาสตร์
แต่ครูชอบวิธีคิดของเธอนะ” ครูสาวตอบ

“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับครู ให้ผมถามมั่ง” เด็กชายบ๊อบเริ่มบ้าง

“มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่

ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม
ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว”

ครูสาวมองหน้าเด็กชายบ๊อบ ถึงทำหน้าไม่ถูก
แต่หน้าครูสาวก็แดงระเรื่อขึ้นแล้วอึ้งไป

“ครู ครู ผมถามอีกทีก็ได้นะ มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง
กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่ ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม
ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม ส่วนคนที่สามดูดแท่งไอติม ผมถามครูว่า
ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว”

“เอาอย่างนี้แล้วกันนะเธอ” ครูเริ่มกระซิบที่ข้างหูเด็กชายบ๊อบ
“ครูว่าผู้หญิงคนที่ดูดไอติมแท่งน่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว”

“ไม่ใช่ครับครู คนที่แต่งงานแล้ว
คือคนที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ที่นิ้วมือไงครับ”

เด็กชายบ๊อบอมยิ้ม พร้อมกับพูดตบท้าย

“ถึงครูจะตอบไม่ถูก แต่ผมก็ชอบวิธีคิดของครูนะ”

กำลังใจจากรูปถ่าย

สมบูรณ์…… เป็นอีกคนหนึ่งที่พกรูปถ่ายของภรรยาติดกระเป๋าสตางค์ ไว้เสมอ
แม้ว่าภรรยาของเขาจะเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้วก็ตาม
ทุกครัง้ที่สมบูรณ์ประสบกับปัญหาสมบูรณ์จะหยิบภาพถ่ายออกมาดูและเขาก็ผ่านพ้นปัญหานั้นไปได้เสมอ
ไม่ว่าสมบูรณ์จะเจออุปสรรคมากมายขนาดไหนบางครั้งเมื่อเขานึกท้อแท้
เขาก็จะรีบเปิดกระเป๋าสตางค์และหยิบรูปถ่ายภรรยาออกมาดูทุกครั้งไป……….

โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่เศรษฐกิจไทยก้าวสู่ยุคฟองสบู่แ ตกสมบูรณ์
แทบสิ้นหวังเขาแทบสิ้นเนื้อประดาตัว แต่เขาก็ผ่านจุดต่ำสุดนั้นมาได้…

วันนี้ สมบูรณ์ก้าวสู่ความสำเร็จนได้รับรางวัลบุคคลสู้ชีวิต แห่งปีและได้ขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้…

สมบูรณ์กล่าวว่า…………..

“เคล็ดลับที่ทำให้ผมผ่านอุปสรรคอันเลวร้ายต่าง ๆมาได้ก็เพราะผมพกภาพถ่ายของภรรยาผมติดตัวไว้ตลอดเวล า…
“สิ้นเสียงกล่าวของสมบุรณ์……………เสียงปรบมือกึกก้องไปทั่วห้องจัดเลี้ยงมอบรางวัล…

โดยเฉพาะบรรดาคุณหญิงคุณนายที่มาร่วมงานต่างพากันสะกิดสามีของตัวเอง พร้อมกับคำกระแหนะกระแหนว่าทำไมไม่เอ าตัวอย่างสมบูรณ์บ้าง เมื่องานเลี้ยงเลิกรา..สมบูรณ์กลับถึงบ้านเขาควักรูปถ่ายของภรรยาออกมาดูอีก แล้วรำพึงรำพันกับ ภาพถ่ายว่า… .

ทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง
ก็มีภาพถ่ายของเธอนี่แหละที่ทำให้ได้ระลึกอยู่เสมอว่า
ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าตอนที่อยู่กับเธออีกแล้ว !!!!

ร้านขายสามี และภรรยา

ณ ร้านขายสามี

มีร้านขายสามีแห่งหนึ่ง
เพิ่งเปิดตัวที่นิวยอร์กซิตี้แอนเดอร์เจ็คสันเพลโตลรี่ชอป ที่ซึ่งผู้หญิงสามารถเข้าไปเลือกซื้อสามีได้ ที่ทางเข้ามีคำอธิบายว่าห้างนี้ทำงานยังไง

และเงื่อนไขสำคัญ คุณมาที่ร้านแห่งนี้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ร้านนี้มี 6 ชั้นและคุณค่าของสินค่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามชั้นที่คุณขึ้นไปคุณสามารถจะเลือกซื้อสินค้าใดก็ได้ในแต่ละช ั้น หรือจะเลือกขึ้นไปยังชั้นถัดไป ก็ได้ แต่ถ้าคุณผ่านชั้นไหนไปแล้ว จะไม่สามารถ ย้อนลงมาได้อีก นอกจากจะออกจากร้านไปเลย!

ผู้หญิงคนหนึ่ง จึงไปที่ร้านนี้เพื่อหาสามี

—–ที่ชั้นแรก มีป้ายเขียนว่า ชั้น 1 ชายเหล่านี้มีงานทำ

—–ที่ชั้นสอง มีป้ายเขียนว่า ชั้น 2 : ชายเหล่านี้มีงานทำและรักเด็ก

—–ที่ชั้นสาม มีป้ายเขียนว่า ชั้น 3 : ชายเหล่านี้มีงานทำ รักเด็ก และหน้าตาดีสุดๆ
หญิงคนนั้นคิด “ว้าว” แต่ก็ยังขึ้นไปยังชั้นต่อไป

—–ที่ชั้นสี่ มีป้ายเขียนว่า ชั้น 4 : ชายเหล่านี้มีงานทำ รักเด็ก หน้าตาดีสุดๆ และช่วยทำงานบ้าน
โอ้ พระเจ้าช่วย” หญิงคนนั้นอุทาน “ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เธอก็ยังไปต่อ ยังชั้นห้า

—–ที่ชั้นห้า มีป้ายเขียนว่า ชั้น 5 : ชายเหล่านี้มีงานทำ รักเด็ก หน้าตาดีสุดๆ ช่วยทำงานบ้าน และโรแมนติกมาก
แต่เธอก็ยังขึ้นไปชั้นหก

ที่ชั้นหกนี้!!!!!!!!!!!!! ไม่มี ผู้ชายเลย ชั้นนี้ถูกสร้างแยกออกมา เพื่อพิสูจน์ว่าผู้หญิงไม่มีวัน พอใจอะไรง่ายๆ หรอก

ขอบคุณที่มาใช้บริการ ( ติ๊งต่อง……..)

@@@@@@@@@@@@@@@@
และ เพื่อไม่ให้เกิดความครหาว่าลำเอียง

เจ้าของร้านได้เปิดร้านใหม่อีกร้านนึง เป็นร้านขายภรรยา อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
เงื่อนไขเหมือนกัน

ชั้นแรก มีภรรยาทีชอบมีเซกส์

ชั้นสองมีภรรยาที่ชอบมีเซกส์ และมีเงิน

ส่วนที่ชั้นสามจนถึงชั้นหก ไม่รู้ว่ามีอะไรมั่ง เพราะว่าตั้งแต่เปิดร้านมา ยังไม่เคยมีใครขึ้นมาถึงเลย……………..

Tuesday, April 27, 2010

ความฮาใน...... google























แถมๆ


ช้อนนี่มีไว้ทำไมเนี่ย

ผมเคยไปกินข้าว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมสังเกตเห็นว่าบริกรที่มารับออร์เดอร์มีช้อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อ พอผมมองไปทั่วๆ จึงเห็นว่าบริกรในร้านมีช้อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อกันทุกคน ด้วยความสงสัยผมจึงถามเขาดู

“ขอถามหน่อยเถอะ ช้อนนี่มีไว้ทำไมเนี่ย เห็นมีกันทุกคนเลย”

” ช้อนนี่หรือครับ” พนักงานตอบ “เจ้าของร้านเขาจ้างบริษัทที่ปรึกษา มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานน่ะครับ เขาเก็บข้อมูลอยู่หลายเดือนแล้วก็บอกว่า ลูกค้าจะทำช้อนตกมากว่าอย่างอื่นถึง 73.84% ซึ่งตกประมาณ 3 ครั้งต่อโต๊ะต่อชั่วโมง ซึ่งถ้าพนักงานเราเตรียมการไว้ก่อน ก็จะสามารถลดจำนวนครั้งที่จะต้องเดินกลับไปที่ครัว และก็สามารถลดพนักงานที่ใช้ลงได้ 1 คนต่อกะ”

พอเขาพูดเสร็จผมก็ได้ยินเสียงช้อนหล่นอยู่หลังผม บริกรที่คุยอยู่กับผมก็หยิบช้อนในกระเป๋าเสื้อส่งให้ใหม่แล้วบอกว่า “ผมจะหยิบอันใหม่เมื่อผมกลับไปที่ครัวแทนที่จะรีบเข้าไปหยิบในครัวเดี๋ยวนี้”

ผมรู้สึกประทับใจมาก และเมื่อผมมองดูรอบๆ อีกครั้ง ผมก็สังเกตเห็นด้ายเส้นเล็กๆ ห้อยออกมาจากช่องซิปกางเกงของบริกรทุกคน ด้วยความสงสัยผมจึงถามบริกรคนเดิมอีกครั้ง

“รบกวนอีกทีเถอะ ทำไมถึงต้องมีด้ายห้อยออกมาจากตรงนั้นด้วย” โอ้โฮเฮะเขาดูตื่นเต้นมาก

“ผมไม่เคยเจอใครช่างสังเกตอย่างคุณเลยนะครับ จริงๆ แล้วไอ้นี่ก็เป็นผลงานของบริษัทที่ปรึกษาเจ้าเดิมนั่นแหละ เขาบอกว่ามันทำให้เราสามารถประหยัดเวลาที่ใช้ตอนเข้าห้องน้ำได้”

“ประหยัดได้ไง” ผมสงสัย? “ก็…” เขาอธิบาย “เราผูกด้ายนี่เข้ากับปลายไอ้นั่นคุณคงเข้าใจนะครับ แล้วพอจะฉี่เราก็แค่ดึงด้ายนี่ออกมา มือก็ไม่เลอะ มันก็ประหยัดเวลาที่ต้องล้างมือไปได้ เขาว่ามันทำให้ประหยัดเวลาที่ต้องใช้ในห้องน้ำลงไปตั้ง 76.39% แน่ะ”

“อืม…ร้ายจริงๆ” ผมรู้สึกทึ่ง “ว่าแต่ว่าไอ้ด้ายนั่นช่วยตอนเอาออกมา แล้วตอนเก็บเข้าไปล่ะจะทำไง?”

“เอ่อ…” เขากระซิบ “ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาทำกันยังไง แต่ผมน่ะ…ใช้ช้อน”

แด่ภรรยาสุดที่รัก แด่สามีสุดที่รัก

แด่ภรรยาสุดที่รัก
ตลอดปีที่ผ่านมา ผมพยายามฝากรักกับคุณถึง 365 ครั้ง
คือทุกวันเชียวหละ แต่ผมก็ทำได้แค่ 36 ครั้ง
คือเฉลี่ยประมาณ 10 วันต่อครั้งเท่านั้น
เพราะอะไรผมจึงทำงานไม่เข้าเป้า? ต่อไปนี้คือเหตุผล

54 ครั้ง เอาผ้าปูที่นอนไปซัก

17 ครั้ง คุณเข้านอนดึก ทำให้ไม่มีเวลาพอ

49 ครั้ง คุณบ่นว่าเพลียมาก

20 ครั้ง บอกว่าอากาศร้อนเกินไป
15 ครั้ง คุณแกล้งทำเป็นหลับ

22 ครั้ง คุณบอกว่าปวดหัว
17 ครั้ง คุณกลัวว่าจะทำให้ลูกตื่น

16 ครั้ง คุณบอกว่ายังระบมไม่หาย

12 ครั้ง ตรงกับช่วงต้องห้าม ประจำเดือนคุณมา

19 ครั้ง คุณต้องตื่นแต่เช้ามืด กลัวเพลียเดี๋ยวตื่นไม่ไหว
9 ครั้ง คุณบอกว่าคืนนี้ไม่มีอารมณ์

7 ครั้ง ผิวถูกแดดเผา คุณบอกว่าแสบจนแตะเนื้อต้องตัวไม่ได้

6 ครั้ง คุณกำลังเพลินกับรายการดึกทางโทรทัศน์ ห้ามรบกวน

5 ครั้ง คุณไม่ยอม เพราะกลัวผมที่ทำมาใหม่ๆจะยุ่งเสียทรง

3 ครั้ง คุณบอกว่ากลัวเพื่อนบ้านจะได้ยินเสียงเวลาเราเมคเลิฟกัน

9 ครั้ง คุณบอกว่า เดี๋ยวแม่จะได้ยิน

และ 36 ครั้งที่ผมทำได้สำเร็จนั้น ก็ใช่ว่าจะได้ผลเป็นที่พอใจไม่ เพราะ :

6 ครั้ง คุณเอาแต่นอนเฉยๆเป็นท่อนซุง

8 ครั้ง คุณเอาแต่คอยเตือนให้ผมระวังเรื่องเพดานมีรอยแยก เดี๋ยวคนอยู่ข้างบนจะแอบดู

4 ครั้ง คุณเร่งให้ผมรีบๆทำจะได้เสร็จเร็วๆ
7 ครั้ง ผมต้องคอยปลุกคุณ บอกให้รู้ว่าผมเสร็จแล้วนะ

1 ครั้ง ผมกลัวว่าจะทำให้คุณเจ็บ เพราะรู้สึกว่าคุณขยับตัว

แด่สามีสุดที่รัก
ฉันคิดว่าคุณออกจะสับสนไปหน่อยกระมัง
ต่อไปนี้คือเหตุผลที่ว่า
ทำไมคุณถึงไม่สามารถทำให้ได้มากกว่านั้น

5 ครั้ง คุณเมาแอ๋กลับบ้าน แล้วพยายามไปเย่อกับแมว

36 ครั้ง คุณไม่ได้กลับบ้านเลย

21 ครั้ง คุณพยายามแล้วแต่จบไม่ลง เพราะอ่อนปวกเปียกเสียก่อน

33 ครั้ง แป๊ปเดียวคุณก็หลั่งเสียก่อนแล้ว

19 ครั้ง เจ้าน้องชายของคุณอ่อนแอ จนมุดเข้าไปไม่ได้
38 ครั้ง คุณทำงานอยู่จนดึก

10 ครั้ง คุณเกิดตะคริวกินที่นิ้วเท้าเสียก่อน

29 ครั้ง คุณอ้างว่าต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปเล่นกอล์ฟ
2 ครั้ง คุณเกิดไปมีเรื่องนอกบ้าน แล้วถูกเตะผ่าหมากกลับมา

4 ครั้ง คุณดันรูดซิบไปติดเจ้าน้องชายเข้า

3 ครั้ง คุณเป็นหวัด น้ำมูกไหลตลอดเวลา จนไม่เป็นอันได้ทำอะไร

20 ครั้ง คุณลืมสิ่งที่คิดจะทำ ทั้งๆที่คิดเอาไว้ตลอดทั้งวัน

6 ครั้ง คุณหลั่งเลอะเทอะกางเกงนอนเสียก่อน ตอนอ่านหนังสือโป๊

98 ครั้ง คุณเอาแต่ดูการถ่ายทอดฟุตบอล กอล์ฟ ฯลฯ ทางโทรทัศน์

และที่บอกว่าพอมีอะไรกันได้
ฉันก็ยังทำให้คุณผิดหวังอีกนั้นขอบอกเหตุผลดังนี้:
เหตุผลที่ฉันนอนเฉยก็เพราะตอนนั้น คุณทิ่มผิดที่
คุณกำลังทำอยู่กับที่นอนรู้ไว้เสียด้วย
ฉันไม่ได้พูดถึงรอยแยกบนเพดาน
ที่พูดในตอนนั้นคือรอยแยกของฉัน
ฉันเตือนให้เอาเข้าถูกร่องถูกรอยนั่นต่างหาก
และตอนที่คุณรู้สึกว่าฉันกำลังขยับตัว
นั่นก็เพราะคุณดันผายลมออกมา
ฉันเลยต้องกลั้นลมหายใจน่ะสิ

คู่ทุกข์ คู่ยาก‏

แมน โดนรถชนอาการสาหัส แต่โชคดีที่ สมรเมียสาวไม่เป็นอะไร

แมนอยู่ในอ้อมแขนของสมรเมียรักระหว่างส่งโรงพยาบาล

แมน: สมร ผม กำ ลัง จะ ตาย…..

สมร: ไม่ค่ะแมน คุณต้องไม่เป็นไรนะค่ะ

ทั้งคู่ ฟูมฟายเหมือนหนัง ละครทั่วๆ ไป

แมน:เมื่อสองปีก่อน ธุรกิจผมพังพินาศ ก็มีคุณอยู่ใกล้ๆ

สมร: ก็ฉันเป็นเมียคุณนี่ค่ะแมน

แมน: เมื่อปีที่แล้วศาลฟ้องผม ให้ล้มละลาย ก็มีคุณอยู่ไม่ห่าง

สมร: โธ่ แมนอย่าพูดแบบนั้นสิคะที่รัก

แมน: ปลายปีที่แล้ว จำได้ไหมผมโดนยิงเกือบตาย ก็มีคุณอยู่ใกล้ๆ อีก

สมร: อย่าพูดเลยค่ะ ยังไงสมรก็ไม่ทิ้งคุณหรอกค่ะ แมน

แมนสำลักเลือดที่ไหลออกทางปาก กำลังจะตาย

แมน: สมร เข้ามาใกล้ๆ ผมสิ

สมรเอียงหูเข้าไปใกล้ให้แมนสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย

แมน: จำไว้นะ…….อี หมอน………….มึง นะ มัน ตัว ซวย………

เงินสิบบาท‏

ถ้าเรามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร?

ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า ‘ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร’ เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า ‘7 บาท’

แต่มีเด็ก 2คนที่ตอบไม่เหมือนกับคนอื่น คนหนึ่งตอบว่า ‘2 บาท’ อีกคนหนึ่งตอบว่า ‘ไม่ต้องทอน’

ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึงได้เงินทอน 2 บาท คำตอบที่ได้ก็คือภาพในใจของเขาสำหรับเงิน 10 บาท คือ เหรียญห้า 2 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้เหรียญห้า 1 เหรียญ ดังนั้น จึงได้เงินทอน 2 บาท

ถามเด็กคนที่สองว่าทำไมไม่เหลือเงินทอนเลย
คำตอบก็คือเด็กคนนี้คิดว่าในกระเป๋ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ส่งเหรียญบาทให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้น คนขายจึงไม่ต้องทอนเงินให้เขา

โชคดีที่เป็นการถาม-ตอบในห้องเรียน ลองนึกดูสิครับว่าถ้าโจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีคำตอบเป็น ก-ข-ค-ง เด็ก 2 คนนี้ก็คงไม่ได้คะแนนจากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคนส่วนใหญ่
การสร้างโจทย์ที่ ‘เสมือนจริง’ จินตนาการของ ‘ครู’ อาจถูกจำกัดเพียงแค่ ‘ตัวเลข’ แต่สำหรับเด็ก จินตนาการของเขาไร้กรอบ 10 บาท จึงสามารถเปลี่ยนเป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือเหรียญบาท

เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาท เราจึงได้คำตอบเพิ่มอีก 1 คำตอบ คือ ได้เงินทอน 1 บาท

โลกในห้องเรียนกับโลกของความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน โลกในห้องเรียน ทุกคำถามส่วนใหญ่มีเพียง 1 คำตอบ แต่โลกของความเป็นจริง ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูกต้องได้เกิน 1 คำตอบ

‘อย่ารีบตัดสินความผิดถูกของคนๆ นั้น เพียงแค่ คำตอบ ของเรา’

อย่าหยุดความคิดสร้างสรรของคนๆ นั้น ด้วยกรอบความคิดของเรา

100 ข้อที่ทำให้ผู้หญิงหมดราคา

01. หยิ่ง
02. จองหอง
03. ผยอง
04. อวดรวย
05. ไฮโซ ในความจน
06. ปากจัด
07. โหวกเหวกตะโกนโวยวาย
08. เรื่องมาก
09. มากเรื่อง
10. “หึง” มาเนียลิซึ่ม
11. เบื่อง่าย
12. โกรธง่าย
13. หายยาก
14. อวดสวย
15. ซกมก
16. ทำตัวหรู แ ด ก ส้มตำ ไก่ย่างไม่เป็น
17. บ้าแบรนด์ ปู่กรูผลิตร๊อกซี่ ยายกรูทำหลุยส์
18. เลือกกิน
19. กระแดะ
20. ใช้เวลาในการแต่งตัว กว่า ครึ่งหนึ่งของชีวิต
21. แรดเลเซอร์ สัตว์สงวนชนิดหนึ่ง ตามแหล่งวัยรุ่น
22. โกหก
23. หลอกลวง
24. กรูเป็นคนเลว เมิงอ่ะดีเกินไป กรูชอบคนชั่ว
25. เหตุผล ข้างๆคูๆ
26. สายเดี่ยว ส้นตึก เที่ยวดึก ต อ แ ห ล
27. ชู้เยอะ
28. เจ้าแม่สับราง
29. วิชา โบ๊ะ หน้า วอก
30. สรรพนาม สุดหรู ว่า กู กับ เ มิ ง กลางห้างดัง
31. งี่เง่า
32. บ้าผู้ชาย
33. วิชา น้ำยาอุทัย ปราบมาร จนแก้มแดงเหมือนโดนตบมา
34. กูนี่แหละใหญ่
35. ผู้ชายมีเงิน เท่านั้น
36. บ้าเซ็กซ์
37. ขายตัว
38. ดูหนังในโรงภาพยนตร์ แล้ว โทรศัพท์
39. ทะเลาะ กับคนในโรงหนังเพราะ ตัวเองโทรศัพท์
40. ตบกับคนในโรง เพราะ ตัวเองโทรศัพท์
41. ถ้าผู้ชายหล่อ มี 1 แสนคน กุจะขอเบอร์ 99,999 คน
42. ถ้าเมิงขอหมดเลย กรูว่า เมิงอย่าเป็นเลยผู้หญิง
43. หน้าด้าน
44. ไร้ยางอาย
45. ตบแย่งผัว
46. ต่อย พ่อ เตะแม่
47. ด่าบุพการี
48. ยอมเสียตัว เพราะ กรูได้นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ ผัว
49. เมื่อยามเป็น นักเรียน มัธยม กรูชอบดึงถุงเท้าขึ้นสูงๆ ( สงสัย จะไปเตะบอล )
50. หมดเงินไปกับผู้ชาย
51. หมดเงิน ไปกับ เครื่องสำอาง
52. จากข้อ 51 ถ้าสวยเพื่อ แฟน กรูจะไม่ว่า แต่ถ้าสวยเพื่อล่อผู้ชาย อีกเรื่องนึง
53. กินเหล้าแล้วเมาเหมือน ห ม า
54. กินเหล้า แล้ว อ้วกแตกใส่เพื่อน
55. มองผู้ชายทุกคนที่ผ่านหน้ากู
56. ตบกับผู้หญิงทุกคนที่ จีบผู้ชายที่กรูแอบชอบ
57. หลอกลวงผู้ชาย 10 คนได้เวลาเดียวกัน
58. ร้องเพลง อย่างคิดว่า เสียงกู ผู้ชนะการประกวด เดอะสตาร์
59. โชวว์พาวWER
60. ชอบมีเรื่อง
61. มีเรื่องทีไร ให้ ผั ว เคลียร์ อ้าว อิ เ ห รี้ ย หน้าตัวผู้
62. จะจีบกรู …มีรถหรือเปล่า
63. รถ ญี่ปุ่นหรอ กูไม่นั่ง
64. มีเงินเลี้ยงกู เดือนละ 2 หมื่นมั้ย?
65. คุยโทรศัพท์ เสียงดังเกิน 150 เดซิเบล
66. งอนจนกว่า ทศกัณฐ์ จะชนะพระราม
67. เผาแฟน ตัวเองให้เพื่อนฟัง
68. บอกเลิก ปี ละ 3 ร้อยกว่าคน
69. อายุ 15 กูก็แม่คน
70. ด่ารถทุกคัน ที่ ขับมาดีๆ แล้ว ตัวเองปาดหน้าเขา
71. แปรงฟัน 2 อาทิตย์ครั้ง
72. คลั่งดาราจนเลิกกับแฟน
73. ชาติที่แล้ว กูคือนกหงส์หยก กรี๊ส ได้วันละ 250 ครั้ง
74. บ้าหวย
75. แทงบอลหมดตรูด
76. ชอบบังคับ แฟนตัวเองให้ทำตามดาราที่ตัวเองชอบ
77. เปลี่ยนมือถือทุกเดือน ทุกรุ่นที่มีในประเทศ
78. ใส่ส้นตึก มากกว่า 5 นิ้ว
79. ” 2000 มั้ยพี่ ”
80. ต่อราคาของจนแม่ค้าอยากเอา ต รี น ลูบ หน้า
81. เลือกโรงเรียนที่จะเรียนต่อ เพราะ ชุดน.ร
82. โง่
83. จากข้อ 82 สวยไปก็เท่านั้น
84. ขี้อิจฉา
85. ขี้นินทา
86. เ สื อ ก
87. ชีวิตชาวบ้าน คือ สตอรี่ ที่ต้องผ่านหูกู
88. ขี้เมาท์
89. ขี้หงุดหงิด
90. ชอบเหยียดหยามเพศพ่อ
91. อนาคตกุจะเปงดีไซน์เนอร์ จนต้องดีไซน์ชุดนักเรียนให้ผิดระเบียบ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
92. ลืมพ่อ ลืมแม่ ลืมบุญคุณ
93. ถ่ายนู้ด เพื่อเงิน แล้วก็บอกว่า ” เพื่อ ศิลปะ ”
94. ชีวิตคือความ เว่อร์
95. ร่าน
96. พูดไทยคำอังกฤษ คำ และก็ออกเสียงผิด
97. ด่าผู้อื่นไปทั่ว ยกเว้นตัวกรูเอง ที่ประเสิรฐศรี
98. มองผู้ชายเป็นเครื่องมือ
99. ไร้สาระ ต่อชีวิต ของตัวเองและ คนรอบข้างเป็นที่สุด
100. ผู้หญิงนั้นลืมยาก…..แต่ ผู้ชาย นั้นลืมไม่ได้หว่ะ

ถ้าคุณเป็นอาการแบบนี้เกิน 30 ข้อขึ้นไป แก้ไขด่วน เพราะจะทำให้คนใกล้ตัวเบื่อหน่าย…

Monday, April 26, 2010

พร 4 ข้อจากท่าน ว.วชิรเมธี

1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ‘กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก’ คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ‘จิตประภัสสร’ ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี’แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข’

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
‘แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน’
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ‘เจ้ากรรมนายเวร’ ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ‘ไฟสุมขอน’ (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ‘แผ่เมตตา’
หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ‘ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น’
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ‘อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน’
‘อยู่กับปัจจุบันให้เป็น’ ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ‘สติ’ กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
‘ตัณหา’ ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ
ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ‘ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม’
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร
คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า ‘เกิดมาทำไม’ ‘คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน
‘ตามหา ‘แก่น’ ของชีวิตให้เจอ
‘ คำว่า ‘พอดี’ คือ ถ้า ‘พอ’ แล้วจะ ‘ดี’ รู้จัก ‘พอ’ จะมีชีวิตอย่างมีความสุข’
ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี มีพี่ๆ ที่รู้จักไปนั่งฟังมา ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้

ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร‏

มันเป็นตอนเช้าเวลาประมาณ 08.30 น. ที่วุ่นวายเอาการเมื่อสุภาพบุรุษสูงอายุท่านหนึ่งในวัย 80 กว่า
มารับบริการแพทย์ตัดไหมจากแผลที่หัวแม่มือ และบอกว่าขอให้รีบหน่อยเพราะมีนัดตอน 09.00 น. เมื่อผมตรวจร่างกายตามปกติเสร็จผมก็ขอให้นั่งรอโดยผมรู้ว่าอย่างไรเสียก็ไม่ หนีหนึ่งชั่วโมง กว่าที่จะถึงคิว

ผมเห็นสุภาพบุรุษท่านนี้ดูนาฬิกาหลายครั้งอย่างกระสับกระส่าย ผมว่างอยู่พอดีจึงเข้าไปดูแผลให้ เมื่อตรวจดูก็เห็นเป็นปกติ ผมจึงเดินไปหารือกับหมอคนหนึ่งที่ให้บริการอยู่ เอายาและวัสดุมาทำแผลให้ ขณะที่ตัดไหมอยู่ผมก็ถามว่า มีนัดกับหมออีกคนหรือจึงดูรีบร้อน

สุภาพบุรุษท่านนี้ตอบว่าไม่หรอก แต่จำเป็นต้องรีบไปเนิร์ซซิ่งโฮมเพื่อกินอาหารเช้ากับภรรยา ผมก็ถามถึงสุขภาพของภรรยา ก็ตอบว่าภรรยาอยู่ที่นั่นมานานพอควรแล้ว และเธอเป็นโรค Alzheimer’s

ขณะที่คุยกันผมก็ลองถามดูว่าเธอจะรู้สึกกังวลเป็นทุกข์ไหมถ้าไปสายสัก หน่อย สุภาพบุรุษท่านนี้ก็ตอบว่า เธอไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร เธอจำผมไม่ได้มา 5 ปีแล้ว ผมรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า ‘แล้วคุณก็ยังไปทุกเช้าถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใครก็ตาม’

สุภาพบุรุษสูงอายุยิ้มและตบเบาๆ บนมือผมและพูดว่า ‘ถึงเธอไม่รู้จักผม แต่ผมยังรู้ว่าเธอเป็นใคร’ ผมต้องกลั้นน้ำตา ขณะที่เดินจากไป ขนบนแขนผมลุกชันและคิดว่า ‘นั่นคือความรักอย่างที่ผมต้องการที่สุดในชีวิต’

ความรักที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของกายภาพหรือโรแมนติก ความรักที่แท้จริงคือการยอมรับทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ได้เป็นมาตลอด รวมทั้งที่จะเป็น และที่จะไม่เป็นด้วย

คนที่มีความสุขที่สุดไม่จำเป็นว่าจะต้องมีสิ่งดีที่สุดของทุกสิ่ง เขาเพียงทำสิ่งที่เขามีอยู่ให้ดีที่สุด

ผมขอบอกว่า …. ‘ชีวิตไม่ใช่เรื่องของการทำอย่างไรให้รอดจากพายุฝน แต่เป็นเรื่องของการจะเล่นน้ำฝนอย่างไร’

(Life is not about how to survive the storm, but how to dance in the rain)

อย่ารีบร้อนนู๋

บนเครื่องการบินไทยหลังจากที่กัปตันพูดแสดงความขอบคุณผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏว่ากัปตันลืมปิดไมค์ แล้วก็เผลอคุยกับเพื่อนร่วมงานว่า เดี๋ยวจะไปอื้บแอร์สักหน่อย แต่จะไปขี้ก่อน

แอร์สาวคนหนื่งได้ยินก็รีบวิ่งจะไปปิดไมค์ แต่เผอิญสะดุดหกล้มเสียก่อน

คุณป้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆจึงพูดขื้นว่า

หนูไม่ต้องรีบหรอก กัปตันเค้าบอกว่าจะไปขี้ก่อน. ……..

Sunday, April 25, 2010

สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป



เรื่อง สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง ปล่อยมันไป

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัว แต่จะ นับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ” ( มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง) เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่


ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีี่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง ปล่อยมันไป

เลือก ทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือ ถึงถนัด แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ

เรา มีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย

Saturday, April 24, 2010

อาการปวดหัว รักษาได้

คุณเคยปวดหัวไหม ‘โจ’ มีโรคประจำตัวคือ…ปวดหัวเป็นประจำ แต่ว่าไม่เคยไป
หาหมอเลย เนื่องจากเขาคิดว่า เป็นเพียงแค่การปวดหัวจากการเรียนหนังสืออย่างหนักเท่านั้น
ปล่อยไว้ เดี๋ยวก็หาย

10 ปีผ่านไป.. อาการปวดหัวก็ไม่เคยหายไป แม้ว่าบัดนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่
วัยกลางคนแล้วก็ตาม เขาก็ไม่คิดจะไปหาหมอ เนื่องจาก ‘โจ’ คิดว่าเป็นเพียงเพราะ
เครียดจากการทำงาน

อีก 10 ปีต่อมา.. อาการปวดหัวก็ไม่เคยหาย มีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
เขาจึงตัดสินใจว่าจะต้องไปหาหมอเสียที และหลังจากที่หมอทำการตรวจเรียบร้อย
หมอจึงได้พูดขึ้นว่า…

‘ ผมมีข่าวดี และ ข่าวร้ายครับ ‘
ข่าวดีก็คือ ผมสามารถรักษาอาการของคุณ ได้อย่างหายขาด

‘ และข่าวร้ายหล่ะครับหมอ’ โจ…ถามขึ้นอย่างร้อนรน

‘ ข่าวร้ายก็คือว่า ผมต้องทำการตัดไข่คุณทิ้งครับ ‘ หมอตอบ

โจ…เหมือนตกอยู่ในภวังค์

‘ คืองี้ครับ…’ หมอรีบอธิบายก่อน

‘ อาการของคุณ ถือว่าเป็นเคสที่หาได้ยากมากๆ เรียกว่า 1 ใน 100 ล้าน ก็ว่าได้
ไข่ทั้ง 2 ข้างของคุณนั้น ไปดันลำไส้ให้ไปกดทับเส้นปลายประสาทล่างสุดของ
กระดูกสันหลัง การกดทับนี้เองทำให้คุณต้องทรมารกับการปวดหัวอย่างรุนแรง
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา…’

‘ ทางเดียวที่หมอจะรักษาได้ ก็คือ ‘การตัดไข่ครับ’ หมอสรุปสั้นๆ

แต่นั่น…ได้ทำร้ายจิตใจของโจยิ่งนัก หมอได้ให้โอกาศเขาตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม
เขารู้สึกหดหู่ยิ่งนัก เขาสู้อุตส่าห์มานะเรียน เพื่อให้ได้ทำงานดีๆ ไม่เคยไปเที่ยวเหลวไหล
เธค – ผับ …ไม่รู้จัก สาวๆ ไม่เคยสน และเมื่อได้งานแล้ว เขาก็ได้ทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อให้้
้ก้าวหน้า และมีเงินเยอะๆ

จนมาวันนี้… เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการ และเขาคิดว่าถ้าได้สิ่งเหล่านี้แล้ว ผู้หญิง
มากมายก็จะเข้ามาหาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทุกสิ่งที่วาดฝัน…ก็พังทลายจากอาการปวดหัว
ของโจเอง เขาได้นอนคิดอยู่หลายคืน ถึงแม้จะเศร้าเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากทรมารเหมือนดั่ง
ตกนรกอีกต่อไป เขาไม่กล้าปรึกษาใคร เนื่องจากคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย ดังนั้น..วันรุ่งขึ้นเขาจึง
ไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดทันที

หลังจากออกจาก ร.พ ด้วยอาการสมองปลอดโปร่งครั้งแรกในรอบ 20 ปี แต่เขาก็
รู้สึกเหมือน…ขาดบางอย่างที่สำคัญไปในชีวิต เหมือนกลายเป็นอีกคนหนึ่ง แต่เขาก็
เข้มแข็งพอ และตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาจึงเดินเข้าร้านตัดสูทที่แพงที่สุดในนิวยอร์ค
เพื่อเป็นการปลอบใจ และเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โจ…ได้กล่าวกับชายแก่เจ้าของร้าน หลังจาก
ที่เดินเข้ามาต้อนรับ…

‘ เอ่อ ผมจะตัดสูทครับ !!’ โจกล่าว..

‘ ได้ครับ อืมม ขนาด 44 ‘ เจ้าของร้านดูโดยไม่ต้องวัด

โจหัวเราะ ‘ ถูกแล้ว.. รู้ได้งัยเนี่ย ? ‘

‘ เปิดร้านมา 60 ปี น่ะครับ’ โจลองสูท ซึ่งใส่ได้ สวย และขนาดพอดี

‘ ไม่สนใจ…จะลองเสื้อเชิ๊ทมั้งเหรอครับ’ เจ้าของร้านถาม

‘ ก็ดีครับ’ โจตอบ

‘ อืมม แขน 34 คอ 16 นิ้วครึ่ง’ เจ้าของร้านดูโดยไม่ต้องวัด

โจ เริ่มชักสงสัย ‘ ถูกแล้ว… รู้ได้งัยเนี่ย ‘

‘ เปิดร้านมา 60 ปี น่ะครับ’ เจ้าของร้านตอบ

โจลองเสื้อ ซึ่งใส่ได้สวยและขนาดพอดี

‘ รองเท้า…สักคู่ดีไหมครับ ?’ เจ้าของร้านถาม

‘ ก็ดีครับ’ โจตอบ

‘ อืมม 9 นิ้วครึ่ง’ เจ้าของร้านดูโดยไม่ต้องวัด

เช่นนั้น โจรู้สึกแปลกใจมาก ‘ ถูกแล้ว.. รู้ได้งัยเนี่ย ? ‘
‘ เปิดร้านมา60 ปี น่ะครับ’ เจ้าของร้านตอบทันควัน

โจใส่รองเท้า ซึ่งใส่ได้สวย และขนาดพอดี ขณะที่เขาลองเดินไปทั่วร้าน
เจ้าของร้านจึงถามว่า…..

‘ ลองกางเกงในตัวใหม่…สักหน่อยมั้ยครับ’ เจ้าของร้านถามต่อ

โจ ชะงัก และหยุดคิดสักครู่ ‘ก็ดีครับ

‘ อืมม ขนาด 36 พอดี’ คราวนี้โจหัวเราะก้าก ‘ฮ่า เสร็จผมหล่ะ คราวนี้

คุณผิดครับ !! ผมใส่เบอร์ 34 ตั้งแต่อายุ 18 แล้ว..’

ชายแก่ส่ายหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า…

‘ โอ้ย !! อย่างคุณ 34 ไม่ได้หรอก.. ทรมานตายห่า…’
‘ เพราะมันจะไปรั้งไข่คุณ ไปกดลำไส้ และทำให้ไปกดทับเส้นประสาทล่างสุดของ
กระดูกสันหลังอีกที คุณไม่เคยปวดหัวมั่งเลยเหรอ ..?’

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

1. บางปัญหาวิธีแก้ง่ายๆก็มี

2. อย่าเสือกตัดสินใจอะไร โดยไม่เคยหาข้อมูล มิฉะนั้นไซร้… ท่านอาจเสียไข่ได้

นักโทษชั้นดี ไอเดียบรรเจิด

เด็ก 2 คนติดคุกด้วยข้อหาเสพยาบ้าในโรงเรียน ในวันพิจารณาโทษศาลวินิจฉัยว่าเด็กทั้งสองนั้นยังเด็กอยู่มาก และเพิ่งกระทำผิดป็นครั้งแรก แถมยังหน้าตาดี

“ศาลขอสั่งให้เธอทั้ง สองไปทำความดีในวันหยุดนี้เป็นการไถ่โทษ เนื่องจากศาลเห็นว่าเธอทั้ง 2 น่าจะมีอนาคตที่ดี ศาลขอสั่งให้เธอไปชักชวนคนที่ติดยาบ้าจงเลิกเสพเลิกขายไปตลอดชีวิต ได้ความว่าอย่างไร ให้กลับมารายงานตัวในวันจันทร์นี้ด้วย”

…..ในวันจันทร์

“ตกลงว่าเธอทั้งสองได้ไปทำอะไรบ้างตามคำสั่งศาล เอ้า จำเลยคนแรกมารายงานต่อศาล”

“เอ่อ..กระผมได้ไปเกลี้ยกล่อมคนติดยาบ้า 15 คนไห้เลิกเสพตลอดชีวิตเลยครับใต้เท้า”

“โอ้..amazing มาก แล้วเธอทำอย่างไรล่ะ เล่าให้ศาลฟังซิ”

” กระผมใช้แผนภาพครับผม” แล้วก็วาดวงกลมสองวง ใหญ่วง และวงเล็กๆอีก 1 วง (ชี้ไปที่วงกลมใหญ่ก่อน) “กระผมบอกว่า นี่เป็นขนาดสมองของพวกคุณก่อนเสพยาบ้า และนี่เป็นขนาดสมองของคุณหลังจากที่เสพยาบ้าแล้ว”

(ศาลตบมือด้วยความชื่นชม) “ดีมาก เอ้าแล้วจำเลยคนที่สองล่ะ เธอไปทำอะไรมาบ้างล่ะ”

“เอ่อ กระผมได้ไปชักชวนคนที่เสพยาบ้า 150 คนให้เลิกเสพไปตลอดชีวิตเลยครับผม”

(เสียงฮือฮาในศาล)….”โอ้ว…ศาลแปลกใจมาก เธอไปทำวิธีไหนล่ะ ถึงเกลี้ยกล่อมคนได้ตั้ง 150 คน”

” เอ่อ กระผมใช้วิธีคล้ายกันนี่แหละครับ” (ชี้ไปที่วงกลมเล็กๆ) “ผมพูดว่า นี่คือขนาดของรูตูดของคุณก่อนที่จะโดนจับเข้าคุก และนี่ขนาดของรูตูดเมื่อเข้าคุกไปแค่วันเดียว”

จะท้องไหมนี่

เรื่องมีอยู่ว่ามีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งกำลังขับรถจะออกไปต่าง จว. รถดันเสียระหว่างทาง

และในบริเวณที่รถเสียก็ดันเป็นทะเลทรายซึ่งดูแล้วก็มีบ้านคนอยู่แค่หลังเดียวแถวนั้น

ผู้หญิงจึงเดินไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อขอร้องให้เจ้าของบ้านช่วย

เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้ชายมีอายุ อาศัยอยู่กับลูกชายสามคนก็ได้ช่วยซ่อมรถให้

และก็ได้บอกกับผู้หญิงว่าต้องนอนค้างที่บ้านของเขา

เพราะรถนั้นจะเสร็จก็พรุ่งนี้

เจ้าของบ้านให้ผู้หญิงนอนห้องตรงข้ามกับห้องลูกชาย

และบอกกับผู้หญิงว่า ” ห้ามเข้าไปทำอะไรลูกชายเพราะลูกชายทั้งสามคนของเขานั ้นเอ๋อ..(ไม่เต็มบาท) ”

ตกดึกผู้หญิงเกิดอาการขึ้นมา จึงเดินไปเข้าห้องลูกชายคนแรก

และก่อนที่จะมีอะไรกัน ผู้หญิงก็บอกกับผู้ชายว่า

\”ต้องใส่ถุงยางนะ ถ้าไม่ใส่ฉันจะท้อง\”

คนแรกจึงทำตาม

ต่อมาก็เข้าห้องคนที่สองและสามและก็บอกเหมือนกันทั้ง สามคน

หลังจาก 20 ปี ผ่านไปชายสามคนเริ่มมีอายุมากขึ้นทุกคนก็นั่งกันอยู่ หน้าบ้าน

คนแรกนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้นว่า

“เฮ้..จำผู้หญิงที่เคยมาพักที่บ้านเราเมื่อ 20 ปี ที่แล้วได้ไหม?”

คนที่สองตอบ

“อ้อ..จำได้”

และคนแรก จึงถามอีกว่า

“นายคิดว่าป่านนี้เขาจะท้องไหม?”

คนที่สามจึงตอบว่า

“คงไม่ท้องแล้วมั้ง”

คนแรกตอบ

“ถ้างั้นเราก็น่าจะถอดถุงยางออกได้แล้วมั้ง…”

Friday, April 23, 2010

ผู้หญิงมักมีเหตุผลที่ฟังขึ้นเสมอ

บ่ายวันหนึ่งระหว่างหญิงสาวสวยกำลังซักผ้าอยู่ริมน้ำนั้นแปรงซักผ้าคู่มือก็หลุดมือจม
ลงน้ำไป หญิงสาวสวยก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ริมน้ำ


ทันใดนั้นเองเทวดาก็ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วถามว่า ' มีปัญหาอะไรรึ '

' แปรงซักผ้าดิฉันตกลงไปในน้ำแล้ว และตรงนี้น้ำลึกมาก

ต่อไปดิฉันจะเอาอะไรไปซักผ้าหาเลี้ยงลูกสามีได้หละท่าน '


เทวดาได้ยินดังนั้นก็ดำน้ำลงไปสักพักแล้วขึ้นมาพร้อมกับแปรงซักผ้าทองคำ

' เอ้าแปรงซักผ้านี้ใช่แปรงซักผ้าของเจ้าใช่รึไม่ ?' เทวดาถามหญิงสาวสวย

' ไม่ใช่ค่ะ '


เทวดาก็ดำน้ำลงไปอีกครั้งกลับขึ้นมากับแปรงซักผ้าเงิน

' เอ้าแล้วแปรงซักผ้านี้หละใช่ของเจ้ารึไม่ ?'

' ไม่ใช่ค่ะแปรงซักผ้าของดิฉันทำจากเหล็กมีด้ามไม้เก่าๆ ไม่ใช่แปรงซักผ้าเงิน แปรงซักผ้าทอง '


เทวดาจึงดำลงน้ำไปอีกครั้งแล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับแปรงซักผ้าเหล็กคู่มือหญิงสาวสวย

' เอ้าแปรงซักผ้าของเจ้า แต่เราเห็นเจ้าเป็นคนดีซื่อสัตย์ไม่โกหก

เราจะให้แปรงซักผ้าเงิน กับแปรงซักผ้าทองคำแก่เจ้าไปด้วย

เพื่อตอบแทนในการที่เจ้าเป็นคนดี '

หญิงสาวสวยจึงรับแปรงซักผ้าไว้แล้วกลับบ้านด้วยความสุข


หนึ่งเดือนต่อมา ............


ระหว่างที่หญิงสาวสวยกำลังเดินเล่นอยู่ริมน้ำพร้อมกับสามีของเธออยู่นั้น

สามีก็ลืนตกน้ำไป หญิงสาวสวยทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้ริมน้ำ


ทันใดนั้นเทวดาองค์เดิมก็ปรากฏกายออกมาอีกครั้ง

' เอ้าคราวนี้เจ้ามีปัญหาอะไรรึ '

' สามีดิฉันลื่นตกน้ำไปเมื่อกี้นี้ค่ะ '


ได้ยินดังนั้นเทวดาจึงดำน้ำลงไป และขึ้นมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนกันกับพี่เคน ธีรเดช วงษ์พัวพันธุ์

ตั้งแต่หัวจรดเท้า ' ผู้ชายคนนี้ใช่สามีเจ้ารึไม่ ?'


'ใช่แล้วค่ะ ' หญิงสาวสวยตอบทันที


เทวดาจึงโกรธมาก เพราะเห็นว่าหญิงสาวสวยโกหก และไม่ซื่อสัตย์เหมือนก่อน


' ขออภัยด้วยค่ะท่านเทวดา มันเป็นการเข้าใจผิดค่ะ '

หญิงสาวสวยรีบชี้แจงทันใด

'ถ้าเกิดดิฉันตอบว่าไม่ใช่ ดิฉันเดาว่าท่านก็คงจะลงไปในน้ำอีกครั้ง

แล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับผู้ชายที่เหมือนกับ มาริโอ้


และเมื่อดิฉันปฏิเสธอีกท่าก็คงจำดำลงไปอีกครั้งแล้วนำสามีดิฉันตัวจริงขึ้นมา

สุดท้ายท่านก็คงจะให้ผู้ชายอีก 2 คนดิฉันด้วย

เพื่อตอบแทนที่ดิฉันไม่โกหก


แต่ว่า .... ดิฉันเป็นแค่หญิงสาวสวยจะมีปัญญาอะไรไปหาเงินเลี้ยงสามีพร้อมกัน 3 คนได้หละค่ะ (รับไม่ไหวค่ะ ได้ทีละคน)

ดิฉันจึงจำเป็นต้องตอบว่าใช่ตั้งแต่แรก '


เทวดา ' เออ!!!จริงของมึง '


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อใดที่ผู้หญิงโกหก

แสดงว่าหญิงผู้นั้นจะต้องมีเหตุผลจำเป็นในการโกหก และมีเจตนาดีอย่างแน่นอน

30 ข้อ ที่ผู้หญิงเถียงไม่ออก

1.ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนแต่มีของ 4 อย่างที่ผู้หญิงต้องหยุดดู..ตุ้มหู กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า

2.ผู้หญิงชอบกินเค้กช็อกโกแลตและชอบบ่นว่าาตัวเองอ้วน

3.เวลาเธอถามว่าเธออ้วนไปหรือเปล่า? ถ้าคุณตอบว่าเปล่า เธอจะไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณตอบว่าอ้วน เธอก็จะโกรธ

4.หากจะอธิบายเรื่องเวรกรรมให้ผู้หญิงเข้าใจให้ยกเรื่องสลิปบัตรเครดิตมาเป็นตัวอย่าง

5.ผู้หญิงชอบให้คนมาจีบ แต่ไม่ได้ชอบทุกคนที่เข้ามาจีบ

6.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับครีมทาผิวและโฆษณาครีมทาผิวทุกตัวได้ผลเสมอ

7.ผู้หญิงไม่เคยเหน็ดเหนื่อยจากการเดินช็อปปิ้ง และหากนับก้าวระหว่างที่เธอเดิน คุณคงไม่เชื่อในระยะทางที่วัดได้

8.เวลาที่ผู้หญิงบอกว่าไม่มีอะไร แปลว่ามีอะไร และผู้ชายไม่รู้หรอก (เฉลยไปเลย)

9.เวลาผู้หญิงร้องไห้ เธอจะต้องการการปลอบโยน แต่ถ้าไปถาม เธอจะบอกว่า “ไม่ต้อง”

10.ผู้หญิงสนใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลายของกระเป๋าหรือตุ้มหู อย่าถามความเห็นของคุณผู้ชายเลยเพราะเขามองไม่ออกจริงๆ

11.ผู้หญิงใช้ลิปสติกไม่เคยหมดแท่ง

12. ผู้หญิงชอบสมัครฟิตเนสและจินตนาการว่าตัวเองจะฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นในสามเดือน ข้างหน้า แต่หลังสมัครเสร็จเธอจะแวะไปที่ร้านกิฟท์ช็อปที่อยู่หน้าฟิตเนสและนานๆ จะมาที่นี้สักที

13.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับดอกไม้ เมื่อได้รับดอกไม้ยิ่งช่อใหญ่ยิ่งดี

14.ผู้หญิงจำวันทุกวันเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่เจอ วันแรกที่คบ วันครบรอบ วันเกิด และวันอะไรอีกมากมายและนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เธอทะเลาะกับแฟน

15.ผู้หญิงชอบอ่านดวงในแมกกาซีนและบอกว่าแม่นมาก โดยที่ผู้ชายไม่ค่อยเชื่อ

16.คำขอโทษที่ดีที่สุดคือ “ไปช็อปปิ้งมั้ย?”

17.ผู้หญิงไม่รู้ว่าที่เปิดกระโปรงรถอยู่ไหน เพราะไม่รู้ว่าจะเปิดมันไปทำไม หรือถึงเปิดเป็นก็ไม่รู้จะทำอะไรกับมันดี

18.เวลาทะเลาะกัน เธอจะบอกว่าไม่ต้องโทรมาอีกแล้ว แต่หลังจากวางหู เธอจะหันไปมองโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ พอกลับมาดีกัน เธอจะต่อว่าๆ พอกลับมาดีกัน เธอจะต่อว่า ว่าตอนนั้นทำไมไม่โทรมา (อ้าว)

19. ผู้หญิงสนใจเรื่องราวของเพื่อนเรากับแฟน(ของเพื่อนเรา)มากกว่าตัวเรา(ที่เป็นเพื่อนมันจริงๆ)เสียอีก

20.ผู้หญิงกินข้าวเป็นมื้อจริงๆ น้อย กินขนมระหว่างมื้อเยอะ

21.ผู้หญิงผมตรงอยาผมหยิก ผู้หญิงผมหยิกอยากผมตรง

22.กระเป๋าถือของผู้หญิง มีน้ำหนักมากกว่าสายตาประเมิน และข้างในบรรจุของไว้มากมาย แม้เธอจะไม่ใช้ทุกอย่างก็ตาม

23.เวลากลุ่มเพื่อนผู้หญิงนัดกัน มักจะเม้าท์เรื่องของแฟนอย่างสนุกสนาน ผู้ชายรู้ดีเลยแค่ขับรถไปส่งแล้วค่อยไปรับตอนจะกลับอีกครั้ง

24.ตุ๊กตาส่วนใหญ่ไม่มีปาก เพราะมีผลการวิจัยว่า การไม่มีปากทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนว่าตุ๊กตากำลังรับฟังและเข้าใจความรู้ สึกของธอ ไมว่าเธอจะรู้สึก สุข เศร้า เหงา และรัก

25.ในที่ทำงาน มักจะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ไม่ค่อยถูกกับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงด้วยกัน อย่างน้อยก็คู่หนึ่งละ

26.เวลาผู้หญิงนินทากันเอง แม้ผู้ชายจะทำหน้าเฉยๆ แต่ก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน

27.ผู้หญิงทุกคนต้องมีตู้เสื้อผ้าสองตู้ขึ้นไป และเมื่อถึงสี่ตู้เมื่อไหร่จะเริ่มบริจาคเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ให้คนอื่น และตอนที่เริ่มโละของจะมีประโยคประเภท “เสื้อตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลย!!!”

28.ผู้หญิงมีเคล็ดลับในการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่นติดรูปถ่ายคู่ไว้ในกระเป๋าตังค์ของเขาเอาตุ๊กตาไว้หน้ารถเขา วางตุ้มหูระยิบระยับไว้ที่ห้องรับแขกในบ้านเขา ถือเป็นสิ่งเล็กน้อยที่แฝงไปด้วยเทคนิคล้ำเลิศ

29.เริ่มต้นวันใหม่ด้วยประโยค “วันนี้คุณสวยจัง” จะทำให้เธออารมณ์ดีไปทั้งวัน

30.ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบช็อปปิ้ง ฝันอยากขึ้นปกแมกกาซีนและอยากรักกับพระเอกฮอลลีวู้ด แต่ความจริงคงยากที่ชีวิตจริงจะเป็นอย่างนั้น ผู้หญิงทุกคนจึงมีอีกความฝันเล็กๆ อีกอันซ่อนอยู่ นั่นก็คือ การได้ทำกับข้าวเย็นให้แฟน นั่งดูทีวีด้วยกันตอนค่ำ นอนกอดกันตอนหลางคืน ตื่นมาจัดที่นอนและตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวเช้าให้ และอยากให้เขาบอกว่า “ผมรักคุณ” และหอมแก้มหนึ่งทีก่อนไปทำงาน (คุณว่าจริงมั้ย)

นิทานก่อนทำงาน‏

นิทานก่อนทำงาน
เจ้านายหน้าขรึม พา ผจก.ฝ่ายบุคคล และเลขานุการ ไปทานข้าวเที่ยงในร้านอาหารที่ตกแต่งแบบโบราณ
ในช่วงขณะที่รออาหารอยู่นั้น…………
ผจก. ฝ่ายบุคคลได้เอามือไปถูกาน้ำรูปร่างประหลาดบนโต๊ะเล่น และในทันใดนั้นเองก็มีควันพวยพุ่งออกมา แน่นอนว่าตามท้องเรื่อง ตามนิทานเก่าแก่ มันจะต้องมียักษ์จินนี่ปรากฎกายออกมา แล้วพูดว่า
‘ เราจะให้พรสามประการแก่พวกท่าน แต่เนื่องจากพวกท่านมากันสามคนจงแบ่งพร คนละข้อ’

ผจก.ฝ่ายบุคคลผู้อ่อนล้ายกมือ แล้วรีบพูดว่า
‘ ผมก่อน ผมก่อน! ขอให้ผมได้ไปใช้ชีวิตสงบๆบนเกาะสมุยซัก 2 สัปดาห์ ‘
จากนั้น ฟุ่บ!…..ร่างของเขาก็หายวับไปกับตา
และในเพียงชั่วเสี้ยววินาทีต่อมานั้น

เลขานุการสาวรีบชิงฉวยโอกาศขอพรเป็นคนต่อไป เธอพูดว่า
‘ ขอให้ฉันกลายเป็นสาวไฮโซ ผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ‘
และแล้ว ……. ฟุ่บ!….. ร่างของเธอก็หายวับไป….ต่อหน้าต่อตาเจ้านาย

เจ้านายจอมบ้างานย่นคิ้ว หน้าตาไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า….
‘ตาฉันบ้างล่ะ ……
ฉันขอให้ไอ้สองคนตะกี้ กลับมาทำงานตอนบ่ายโมงตรง ‘
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า……ควรปล่อยให้เจ้านายของคุณ….พูดก่อนเสมอ

โรคงอนนนนนน‏

เวลา “งอน” … คุณมีอาการ แบบนี้หรือเปล่า?

“โรคงอน” เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง
ติดต่ออย่างรวดเร็ว ขยายตัวเป็นวงกว้างในแนวราบ
ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา
ผู้ป่วยมีอาการ “หน้างอ”
บางรายที่อาการหนัก . . .
จะมีอาการหน้าดำ แทรกซ้อนด้วย
หูแข็งฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด
ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม (. . .จริงอ่ะ)

ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย
โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น
ผู้ป่วยที่อาการหนัก . . . อาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น . . .
ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน
ถ้างอนน้อย ๆ ให้รีบง้อ

วิธีการรักษา . . .
ผู้พบเห็นทั่วไป ควรเอาใจใส่ ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้

สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก
ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอน และเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษ
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ . . .
เปราะบางแตกหักง่ายเอาใจใส่เป็นพิเศษ

หลังได้รับการรักษา . . .
ผู้ป่วยที่หายแล้ว ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา
ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจ
หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ . . .|
อาการงอนจะกำเริบ

หมายเหตุ . . .
พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก
สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก . . .
จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า “น่าเบื่อ น่ารำคาญ”
จะปล่อยไปตามยถากรรม (โอ้…)
ไม่มีการปฐมพยาบาลใด ๆ ทั้งสิ้น
. . . จนกว่า อาการจะหายหรือตายไปเอง

ภาษาไทย วันละคำ

สวรรค์
-มีวิธีจะไปถึงได้สองวิธีคือ ทำความดี กับมีเซ็กซ์

เสียบอล
-ผู้เล่นโดนแย่งลูกไปได้ ถ้าเป็นคนดู หมายถึงแพ้พนัน

บอลแพ้
-ภารดรไม่ชนะ

เกย์
-เพศที่ควบคุมการเพิ่มประชากรโลกได้ดีที่สุด

วันแดงเดือด
-วันที่แมนยูฯ เจอลิเวอร์พูล ถ้าเป็นผู้หญิงหมายความว่าเมนส์มา

หงส์
-ที่อังกฤษเป็นทีมฟุตบอล ที่เมืองไทยกลับเป็นยี่ห้อเหล้า

นมบูด
-จะเกิดขึ้นกับบุคคลที่มีภรรยาอายุ 60 ปีขึ้นไป

หัวช้าง
-บางครั้งก็เล็กกว่าหัวคน ถ้าเป็นชื่อของสิว

วัว
-สัตว์ที่มีความจำสั้นที่สุด ตีนของตัวเองยังจำไม่ได้

บีบสิว
-เปรียบเหมือนพ่อแม่ทำร้ายลูก แล้วตัวเองเจ็บยิ่งกว่า

ทอง
-ของมีค่าที่คนอยากได้ แต่จะไร้ค่าเมื่อเป็นวัยของผู้หญิง

ผายปอด
-ต่างจากผายลมคือ ผายปอดให้ผู้อื่นช่วย ส่วนผายลมทำเองล้วนๆ

รักแร้
-สิ่งที่เด็กสมัยใหม่เห็นเป็นเครื่องเชิดหน้าชูตา

สิทธิสตรี
-เครื่องมือทลายกำแพงทุกอย่าง แม้กระทั่งคำสอนในศาสนา

ลิขสิทธิ์
-สิ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่า ‘ตูนี่แหละ เป็นเจ้าของ’

เหินฟ้า
-การทะยานไปในอากาศ สำหรับแบคแฮมคือการยิงลูกโทษ

ชัยชนะ
-เกิดขึ้นได้จากการพ่ายแพ้ของฝ่ายตรงข้าม

โล่งอก
-สำหรับผู้หญิง คือการเอาซิลิโคนออกจากนม

ไข่ดาว
-หาได้จากหน้าอกของผู้หญิงบางคน

หนู
-สัตว์ชนิดหนึ่งที่ผู้หญิงเกลียด แต่เมื่อเอามาเรียกตัวเองกลับชอบ

ฟุตบอล
-คล้ายกับเมีย คือหลังจากได้ครอบครองแล้วก็ต้องเขี่ยมันออกไป

ชิป
-วัตถุอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ถ้าหาไม่เจอเรียกว่า ชิปหาย

ฉลาม
-สัตว์ที่ไม่อยากเกิดมามีหู

ปอด
-อวัยวะที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบุหรี่

งานศพ
-งานที่เจ้าตัวไม่เคยออกมาต้อนรับแขกเลย

ของขวัญวัน Valentine ให้อะไรแฟนดีน๊า

กาลละครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..มีสาวสวยคนหนึ่งท่าทางกลุ้มใจได้มาหาคุณแม่ เพื่อขอคำปรึกษาว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวัน Valentine ให้กับแฟนหนุ่มดี

หญิงสาว “คุณแม่ขาใกล้จะถึงวัน Valentine แล้วค่ะ จะซื้ออะไรให้เค้าดี”
คุณแม่ “แฟนลูกเป็นคนยังงัยจ้ะ”
หญิงสาว “เป็นคนดีมากค่ะ หล่อเข้าขั้นนายแบบมีความรับผิดชอบเหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้”
คุณแม่ “เค้ามีพี่น้องกี่คนจ้ะ ”
หญิงสาว “เค้าเป็นลูกคนเดียวค่ะ”
คุณแม่ “แล้วหน้าที่การงานของเค้าละลูก”
หญิงสาว “เค้าจบด๊อกเตอร์มาจากเมืองนอก หน้าที่การงานระดับผู้บริหาร ฐานะทางบ้านเข้าขั้นเศรษฐีเลยละค่ะคุณแม่ขา”

คุณแม่ : “แม่ว่า “ให้ท่า” เค้าเถอะลูก !!!”

Thursday, April 22, 2010

ความจริงเป็นสิ่ง..ทำให้ไม่ตาย‏

ความจริงเป็นสิ่งทำให้ไม่ตาย

มีชายหนุ่มที่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง เค้าเป็นนักธุรกิจ..
วันหนึ่งความใกล้ชิดเป็นเหตุ เค้ากับเลขาเกิด
อารมณ์เสน่หาขึ้นมา
ทั้งคู่จึงไปลงเอยกันที่บ้านของเลขาสาวสวย
และใช้เวลาร่วมรักกันตลอดบ่าย
และเผลอผล่อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย
จนกระทั่งสองทุ่ม ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว .. ตายละวา
ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านเดี๋ยวภรรยาจะต้องสงสัยแน่ๆ
จึงรีบให้เลขาเอารองเท้าทั้งสองข้างไปถูกับพื้นหญ้า
และพื้นขี้โคลนให้เปื้อนเลอะเทอะ
แล้วรีบคว้าเสื้อและรองเท้ามาใส่ ตรงกลับบ้านทันที

เมื่อถึงบ้าน คุณภรรยาก็ยืนท้าวเอวรออยู่แล้ว
“ คุณไปไหนมา? “ สามีค่อยๆเดินเข้าบ้านและพูดว่า
“ ที่รักจ๊ะ..ผมไม่สามารถจะโกหกคุณได้
ผมได้ออกไปธุระกับเลขาผม และ
เราได้มีอะไรกันตลอด ช่วงบ่าย
ผมเผลอหลับไป เพิ่งจะตื่นเมื่อตอนสองทุ่มนี่เอง ”
แล้วตีหน้าเศร้า

ส่วนคุณภรรยา ก็เหลือบไปเห็นรองเท้าที่วางไว้
“ แกอย่ามาโกหกชั้นน่ะ ชั้นรู้น่ะ แกแอบไปเล่นกอล์ฟมาใช่มั้ย
คิดว่าชั้นโง่งั้นเหรอ ..ฮึ ”

เก้าคำกำกวมของผู้หญิง

(1) ดี,โอเค: คำนี้ผู้หญิงใช้ปิดการโต้เถียงตอนที่เธอมั่นใจว่าเป็นฝ่ายถูก และคุณต้องหุบปากซะ
(2) ห้านาทีนะ: ถ้า หล่อนกำลังแต่งตัว นี่จะหมายถึงชั่วโมงครึ่ง แต่ห้านาทีก็คือห้านาทีถ้าเธอเพิ่งยอมให้คุณดูบอลต่ออีกห้านาทีแล้วค่อยไป ช่วยเธอทำงานบ้าน
(3) ไม่มีไร: นี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า มันแปลว่า”มีอะไร”แน่ ๆ ขอให้เตรียมตัวได้เลย การโต้เถียงที่เริ่มด้วย “ไม่มีไร” มักจะไปจบลงที่ “ดี,โอเค”
(4) ก็เอาดิ,เอาเลย: นี่เป็นคำท้า ไม่ใช่คำอนุญาต อย่าทะลึ่งทำเป็นอันขาด!
(5) ทำเสียง ชิ,ฮึ,จึ๊ ฯลฯ ออกมาดัง ๆ: มัน มีความหมายแน่นอน แต่อวจนภาษามักทำผู้ชายเข้าใจผิด เสียงพวกนี้หมายความว่าเธอกำลังคิดว่าคุณแม่งซื่อบื้อเหลือทน และไม่เข้าใจว่าจะมาเสียเวลายืนเถียงกับคุณเรื่อง”ไม่มีไร”แบบนี้ทำไม (กลับไปดู “ไม่มีไร” ที่ข้อ 3)
(6) ไม่เป็นไร: นี่คือสถานะอันตรายสุด ๆ ที่ผู้หญิงจะมีต่อผู้ชายแล้ว “ไม่เป็นไร”แปลว่าเธอต้องคิดดูก่อนอย่างนานและอย่างหนักว่าคุณต้องชดใช้อะไร อย่างไร และเมื่อไหร่ ในความผิดที่คุณก่อไว้
(7) ขอบคุณ: ถ้าผู้หญิงขอบคุณ อย่ามีคำถาม อย่ามัวทำเฉย ตอบรับคำเขาไปดี ๆ (แต่ขอเพิ่มหน่อยว่า ถ้าผู้หญิงพูดว่า “ขอบคุณมาก” อันนี้ประชดเต็มดอก เธอไม่ได้ขอบคุณอะไรเลย อย่าได้ทะลึ่งตอบรับ ไม่งั้นคุณจะเจอกับ “เออ เอาเหอะ”)
(8) เออ เอาเหอะ: เป็นวิธีที่เจ้าหล่อนจะพูดกับคุณว่า ไอ้เหี้ย!
(9) อย่าห่วงเลย,อือ เข้าใจละ: อีกหนึ่งสถานะอันตราย หมายความว่านี่คือบางอย่างที่เธอบอกให้คุณทำมาหลายครั้งละ แต่คราวนี้เธอจะทำเอง ซึ่งเดี๋ยวคุณก็จะถามว่า “เป็นไรอะ” แล้วคุณก็จะเจอกับข้อ 3.

นกแก้วราคาเท่าไหร่

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง

เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่จึงเกิดสนใจถามคนขายว่านกแก้ว

ตัวนั้นราคาเท่าไหร่

ชายคนนั้น : ลุงๆไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่

คนขาย : 15,000 บาท

ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ

คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ

ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ

คนขาย : 25,000 บาท

ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)

คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ

ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ

(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ

คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัวที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ

ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ

คนขาย : 100,000 บาท

ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ

คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!

สาวเปรี้ยวกะสาวเรียบร้อย

บนเครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง สาวเปรี้ยวแต่งตัวเหมือนคุณหญิงใส่เพชรใส่ทองมากมาย
สาวเรียบร้อยแต่งตัวเรียบๆ แล้วผู้หญิง 2 คนก็เริ่มคุยกัน

สาวเปรี้ยว : สวัสดีค่ะมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันเหรอคะ
สาวเรียบร้อย : ค่ะมาคนเดียว

สาวเปรี้ยว : เนี่ย เดี๊ยน ไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียวหรอกคะ กะว่าจะมาดูรถ Porche ไปให้ลูกใช้ซัก 2 คัน
สาวเรียบร้อย : อ๋อเหรอคะ

สาวเปรี้ยว : ตอนสมัยอยู่ฝรั่งเศส ก็ขับจากัวร์ กับเฟอร์รารี่เจ้าคุณพ่อซื้อให้ค่ะ เงินสดนะคะ
สาวเรียบร้อย : อ๋อเหรอคะ

สาวเปรี้ยว : มานี่จะซื้อของขวัญให้ตัวเองซะหน่อยกะว่าจะซื้อเพชรกลับเมืองไทยซัก 50 กะรัต
สาวเรียบร้อย : อ๋อเหรอคะ

สาวเปรี้ยว : แล้วคุณน้องหล่ะคะ ชีวิตเป็นไงบ้างค่ะ
สาวเรียบร้อย : ก็ ไม่มีอะไรคะ ชีวิตเรียบง่าย สมัยเรียน พ่อให้ไปเรียนในวังได้แต่เย็บปักถักร้อย ร้อยพวงมาลัย ทำขนม ครูห้ามพูดคำหยาบ ครูบอกว่าถ้าจะด่าใคร อีตอแหล ให้พูดว่า อ๋อเหรอคะ

ภรรยาต้องปรับตัว

คุณสามีเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงมาก
ส่วนคุณภรรยาก็เป็นแม่บ้านที่ดีมากคนหนึ่ง
เช้าวันหนึ่ง

คุณพี่ค่ะ มาทานข้าวเช้า ก่อนแล้วค่อยออกไปทำงานนะค่ะ
ภรรยาเรียกสามีทานข้าวเช้า “ไม่กิน..พี่จะกินน้องงงงงง
ว่าแล้วสามีก็……. (อะจึ๋ย อะจึ๋ย) แล้วก็ออกไปทำงาน

ตอนเที่ยงคุณสามีกลับมาบ้าน ภรรยาเห็นเข้าจึงเรียก

อ้าวคุณพี่ กลับมาบ้านทำไมค่ะ มา มา มาทานข้าวเที่ยงกัน
ภรรยาเป็นห่วงสามีจึงเรียกทานข้าว
ไม่กิน..พี่จะกินน้องงงงงง
ว่าแล้วสามีก็……. (อะจึ๋ย อะจึ๋ย) แล้วก็ออกไปทำงานอีกครั้ง

ตกตอนเย็น สามีกลับมาบ้าน

พบว่าคุณภรรยากำลังยืนค่อมเตาถ่านอยู่ โดยที่เตาถ่านกำลังแดงระอุอยู่
สามีตกใจมากรีบวิ่งเข้าไปหาและถามว่ากำลังทำอะไรอยู่

คุณภรรยาตอบกลับมาหน้าตายิ้มแย้มว่า
ก็กำลังอุ่นอาหารเย็นให้พี่ไงคะ!!!

Wednesday, April 21, 2010

กาแฟใส่เกลือ…..เรื่องดีๆที่ไม่ควรพลาด‏

กาแฟใส่เกลือ…..เรื่องดีๆที่ไม่ควรพลาด
เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งนึง เธอดูโดดเด่นมาก และมีคนมากมายรุมล้อมเธอ

ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึง ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย

และหลังงานเลี้ยงเลิก เขาได้มีโอกาสชวนเธอไปทานกาแฟต่อ เธอประหลาดใจมาก

แต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอตอบตกลง

พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆแห่งนึง เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก

เธอรู้สึกอึดอัดมาก จนคิดในใจว่า ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเหอะ

แต่ทันใดนั้น…..

เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม อยากเอามาใส่ในกาแฟ

ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ เขาอายจนต้องก้มหน้า

แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมันเสียด้วย

ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า

ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้

เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็ก บ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล เขาเป็นลูกน้ำเค็ม

เล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ เหมือนกับรสชาติของกาแฟเค็ม

เพราะฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆ เขาก็จะคิดถึงวัยเด็ก

คิดถึงบ้านเกิด เขาคิดถึงพ่อแม่ทียังอยู่ที่นั่น

เขาเล่าไปก็น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ

นั่นเป็นความในใจลึกๆของเขาผู้ชายคนไหนที่กล้าบอกว่าเขาคิดถึงบ้าน

แสดงว่าเขาต้องรักครอบครัวอย่างมาก และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว

ดังนั้นเธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขา เริ่มชวนเขาคุย เล่าถึงบ้านเกิดของเธอบ้าง

ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวของเธอ

เธอกับเขาคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ และจากการเริ่มต้นที่ดี

ทำให้เขากับเธอคืบหน้าความสัมพันธ์ต่อไป

จนทีสุด เธอก็ค้นพบว่า เขาคือผู้ชายแบบที่เธอต้องการอย่างแท้จริง เขาใจกว้าง

อ่อนโยน อบอุ่น และดูแลเป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ

แต่เธอเกือบจะมองข้ามเขาไป! ต้องขอบคุณกาแฟแก้วนั้น

และชีวิตรักที่สวยงามเช่นนี้ ก็เหมือนดังเรื่องทั่วไป

เมื่อเธอตกลงใจแต่งงานกับเขา และก็มีความสุขมาโดยตลอด….

โดยทุกๆครั้งที่เธอชงกาแฟให้กับเขา

เธอต้องใส่เกลือลงไปในกาแฟให้ทุกครั้งไป

เธอรู้ว่านี่เป็นกาแฟที่เขาชอบมากที่สุด

หลังจากนั้นอีกสี่สิบปี เขาก็จากเธอไป ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับนึง

ข้างในมีใจความว่า

ที่รัก อภัยให้ผมด้วย ที่ต้องโกหกคุณชั่วชีวิต

มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมโกหกคุณ เรื่องกาแฟเค็มนั่น

จำวันแรกที่เรามีนัดกันได้ไหม ผมประหม่ามากในตอนนั้น จริงๆแล้วผมต้องการน้ำตาล

แต่ผมพูดผิดเป็นขอเกลือ ซึ่งมันยากที่จะกลับคำในตอนนั้น ผมจึงต้องปล่อยมันไป

ซึ่งผมไม่คิดว่า นั่นจะทำให้เราได้เริ่มต้นการพูดคุยกัน

ผมพยายามที่จะสารภาพกับคุณหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไป

ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่า จะไม่โกหกอะไรคุณอีกแม้แต่ครั้งเดียว

ตอนนี้ผมจากไปแล้ว ผมไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก

ดังนั้นจึงเล่าความจริงในจดหมายฉบับนี้

แท้จริงแล้วผมไม่ได้ชอบทานกาแฟรสเค็มเลยแม้แต่น้อย

มันรสชาติค่อนข้างแย่ทีเดียว

แต่ว่าผมทานมันตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ได้รู้จักคุณ

ผมไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเพื่อคุณเลย

การได้พบคุณเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดชีวิตของผม

ถ้าผมได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง ผมก็ยังอยากจะได้พบคุณ

และมีคุณเป็นภรรยาผมอีกครั้งเช่นกัน

แม้ว่าผมจะต้องดื่มกาแฟรสเค็มอีกตลอดชีวิตก็ตาม!

น้ำตาของเธอหยดใส่กระดาษจดหมายจนเปียกชุ่ม และหลังจากนั้น หากมีใครถามเธอ

กาแฟรสเติมเกลือรสชาติเป็นเช่นไร

เธอก็จะตอบเสมอว่า ” มันหวาน “

ลูกขี้สงสัย

ลูก “ป่าป๊า เมื่อ 3 เดือนก่อน มีคนมาทวงหนี้ ป่าป๊าบอกไม่มีตังค์ เดือนก่อนป่าป๊าก็บอกไม่มีอีก เพราะอะไรครับ”
พ่อ ” คนเราพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นนะลูก ”

++++++++++++++++++++++++++++++++

ลูก “ป่าป๊า ทำไมบ้านคนอื่นเขาใหญ่ แต่ทำไมบ้านเราถึงเล็ก”
พ่อ “เพราะป่าป๊าไม่ค่อยมีตังค์”
ลูก “แล้วทำยังไง เราถึงจะมีบ้านใหญ่ๆ ล่ะครับ”
พ่อ “หนูก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ พอโตขึ้นก็ทำงานได้เงินเยอะๆ ซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ”
ลูก “แล้วทำไมตอนเด็กๆ ป่าป๊าถึงไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ”

เมื่อสาวแต่งชุดบิกินีหลุดในสระว่ายน้ำ

สาวมั่นแต่งชุดบิกินีตัวโปรดเพื่อไปว่ายน้ำ ด้วยความที่เป็นสระเปิดใหม่
สาวเจ้าเลยไม่ทราบว่าเป็นสระสำหรับสุภาพบุรุษเท่านั้น
อารมณ์ที่เห็นน้ำใสน่าแหวกว่าย เธอก็เลยโดดตูมลงไปในสระ
และว่ายน้ำด้วยความเพลิดเพลิน แต่พอเจ้าหล่อนจะขึ้นจากน้ำนี่สิ
บิกินีตัวจิ๋วท่อนล่างเกิดอันตรธานหายไปไหนไม่ทราบ ด้วยความตกใจ
เธอเลยรีบคว้าเอาป้ายที่ตั้งอยู่ข้างสระมาปิดจุดสำคัญ
ที่บัดนี้ไม่มีบิกินีปกปิดอีกต่อไปแล้ว แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ
ผู้ชายที่อยู่ในบริเวณสระเริ่มเดินเข้ามาหาเธอเป็นกลุ่ม ๆ เธอประหลาดใจ
มากเลยก้มลงไปมองดูที่ป้าย “ตายแล้ว” เธอคิดในใจ
ก็ที่ป้ายนั่นเขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวโตเลยว่า
FOR MEN
เธอเลยรีบพลิกป้ายกลับไปข้างหนึ่งทันที ปรากฏว่า ได้ผล
ผู้ชายที่เดินเข้ามาหาเธอ ต่างแตกกระจาย ออกไปเหมือนผึ้งแตกรัง
คราวนี้เธอเลยก้มดูป้ายอีกที เห็นมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า
” อันตราย ลึก 3 เมตร “