Friday, October 25, 2013

คนรวยเขาคิดกันแบบนี้นี่เอง

คนรวยเขาคิดกันแบบนี้นี่เอง ^^

1. คนรวยเชื่อว่า "ฉันควบคุมชะตาชีวิตของตัวเอง" คนจนเชื่อว่า "ฉันถูกลิขิตให้เป็นอย่างนี้"
2. คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อที่จะเอาชนะ คนจนเล่นเกมการเงินเพื่อไม่ให้แพ้
3. คนรวยทุ่มเทเพื่อความรวย คนจนแค่อยากรวย
4. คนรวยคิดการใหญ่ คนจนคิดการเล็ก
5. คนรวยมุ่งความสนใจไปที่โอกาส คนจนมุ่งความสนใจไปที่อุปสรรค
6. คนรวยชื่นชมผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จคนอื่นๆ คนจนชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ
7. คนรวยคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดีและประสบความสำเร็จ คนจนขลุกอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ร้ายหรือไม่ประสบความสำเร็จ
8. คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ
9. คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนจนมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่
10. คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่
11. คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน คนจนเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน
12. คนรวยเลือก "ทั้งสองทาง" คนจนเลือก "ทางใดทางหนึ่ง"
13. คนรวยสนใจมูลค่าทรัพย์สิน คนจนสนใจแต่รายได้จากการทำงาน
14. คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนจนเก่งเรื่องการบริหารเงินแบบผิดๆ
15. คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนจนทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน
16. คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนจนปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง
17. คนรวยเรียนรู้และเติบโตอยู่ตลอดเวลา คนจนคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว

สเปนเตรียมยกเลิก 'วัฒนธรรมนอนกลางวัน'

รัฐบาลสเปนเตรียมพิจารณายกเลิก "วัฒนธรรมนอนกลางวัน" เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศหลังเผชิญวิกฤติ หนี้ยุโรป


หลังจากเมื่อเดือนก่อนคณะกรรมาธิการรัฐสภาสเปนได้เสนอให้รัฐบาลปรับเขตเวลา ของประเทศ ให้เกิดความเหมาะสมในเวลาการทำงานเมื่อเทียบเวลากับดวงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุด รัฐบาลยังเตรียมพิจารณายกเลิกวัฒนธรรมการนอนกลางวัน หรือ Siesta ที่มีมาช้านานอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตของแรงงาน และยกระดับเศรษฐกิจของประเทศหลังเผชิญวิกฤติหนี้ยุโรป


โดยปกติ ช่วงเวลาการทำงานและเปิดร้านค้าของคนสเปน คือ ตั้งแต่ 10.00 - 14.00 น. และ 16.00 - 20.00 น. โดยจะมีช่วง 2 - 3 ชั่วโมงระหว่างวันไว้สำหรับนอนกลางวัน โดยที่บริษัทและร้านค้าจะให้พนักงานหยุดพัก เพื่อกลับไปทำกับข้าวทานที่บ้าน จากนั้นก็ให้นอนหลับพักผ่อน แล้วจึงกลับมาเริ่มทำงานอีกครั้งในช่วงบ่าย ส่งผลโดยตรงแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะนักนักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเที่ยวชมที่ใดได้เลย เนื่องจากร้านค้าต่าง ๆ ปิดทำการ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับประเทศที่มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดและเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจ เปราะบางที่สุดในยุโรปอย่างสเปน


โฆษกกระทรวงเศรษฐกิจสเปนได้กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการปรับชั่วโมงในการทำงานให้สิ้นสุดตอน 17.00 น. เป็นสากล นอกจากนี้ เวลาทานอาหารกลางวันยังไม่ควรเกิน 40 นาที เพื่อให้ประชาชนทำงานได้อย่างต่อเนื่องเต็มที่ ซึ่งคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้ภาคการผลิตเติบโต รวมถึงภาคสังคมได้รับการพัฒนาไปควบคู่กันด้วย เนื่องจากพ่อแม่มีเวลาอยู่กับลูก ๆ มากขึ้นนั่นเอง

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน

ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ

อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

1. เบอร์รี่

แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

2. ไข่ไก่

ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

3. ถั่ว

ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์

เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

5. ส้ม

เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

6. มันเทศ

อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

7. บร็อคโคลี่

เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

8. ชา

แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

9. คะน้า

มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

10. โยเกิร์ต

อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ

Monday, February 25, 2013

นิทานเซน : ใช้ทองซื้อปัญญา

มีชายผู้หนึ่ง โง่เขลาเบาปัญญา มิหนำซ้ำฐานะยากจน ทว่าอยู่มาวันหนึ่งด้วยโชควาสนาที่พอมีอยู่ ขณะที่ชายผู้นี้กำลังซ่อมแซมรั้วในสวนหลังบ้านซึ่งพังลงมาเพราะพายุฝน ได้บังเอิญขุดพบทองคำก้อนโตที่ฝังอยู่ริมรั้ว จนทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน แต่ด้วยความที่รู้ว่าสติปัญญาของตนเองค่อนข้างทื่อทึบ จึงเกรงว่าอาจจะถูกผู้อื่นมาหลอกลวงเอาเงินทองไป เขาจึงนำเรื่องไปปรึกษากับอาจารย์เซน

อาจารย์เซนแนะนำว่า "ในเมื่อตอนนี้ท่านมีเงิน ส่วนผู้อื่นมีปัญญา เหตุใดไม่นำเงินของท่านไปแลกปัญญาจากผู้อื่นเล่า?"

ชายผู้เป็นเศรษฐีใหม่ผู้นี้ จึงได้พกพาคำแนะนำของอาจารย์เซน ไปหาพระที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องทรงภูมิรู้ผู้หนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากว่า "ท่านสามารถขายปัญญาของท่านให้กับข้าได้หรือไม่?"

พระรูปนั้นตอบว่า "ปัญญาของเรามีราคาแพงมาก"

ชายผู้โง่เขลาจึงรีบตอบว่า "ขอเพียงสามารถซื้อปัญญามาประดับสมอง แพงเท่าไหร่ข้าก็พร้อมยอมจ่าย"

เมื่อได้ฟังดังนั้น พระจึงกล่าวว่า "อันว่าปัญญานั้น คือเมื่อท่านประสบปัญหาใดก็ตาม อย่าใจเร็วด่วนได้รีบร้อนแก้ไข จงค่อยๆ เดินหน้า 3 ก้าว จากนั้นถอยหลัง 3 ก้าว ทำเช่นนี้กลับไป-มาให้ครบ 3 รอบ เมื่อนั้นปัญญาจะเกิดขึ้น"

เมื่อชายผู้โง่เขลาฟังจบก็ได้แต่รำพึงในใจว่า "ที่แท้ "ปัญญา" ง่ายดายถึงเพียงนี้จริงหรือ?" เขาเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง ใจหนึ่งเกรงว่าจะโดนพระหลอกลวงเงินทอง ส่วนพระรูปนั้น เมื่อมองตาของชายผู้โง่เขลา ก็ล่วงรู้ถึงจิตเจตนาของอีกฝ่าย จึงได้กล่าวว่า "ท่านยังไม่จำเป็นต้องเชื่อเราตอนนี้ จงกลับไปก่อน หากทบทวนดูแล้วคิดว่าปัญญาของเราไม่คุ้มกับเงินทองก็จงอย่าได้กลับมา แต่หากคิดว่าคุ้มค่าก็ค่อยนำเงินมามอบให้เรา"

เศรษฐีใหม่ผู้โง่เขลากลับถึงบ้านยามค่ำ มองเห็นผู้เป็นภรรยากำลังนอนอยู่กับคนอีกผู้หนึ่งบนเตียงของตน แต่ในความมืดสลัวไม่ทราบว่าเป็นใคร เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงบันดาลโทสะเพราะเข้าใจว่าภรรยานอกใจ ฉวยมีดพร้าหวังบั่นคอคนผู้นั้น แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ พลันนึกถึงคำกล่าวของพระที่ขายปัญญาให้กับเขาเมื่อตอนกลางวัน จึงได้ก้าวเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว จากนั้นถอยหลัง 3 ก้าว กลับไป-มา 3 รอบ พอดีกับที่บุคคลนิรนามที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกับภรรยาของเขาตื่นขึ้นมา และร้องถามว่า "ลูกเอ๋ย ดึกดื่นป่านนี้ เจ้าเดินทำอะไรอยู่?"

เมื่อได้ยิน เศรษฐีใหม่ผู้โง่เขลาจึงค่อยทราบว่า ที่แท้ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงกับภรรยาของเขาก็คือมารดาบังเกิดเกล้าของเขาเอง ในใจจึงได้คิดว่า "หากข้าไม่ซื้อปัญญามาเมื่อกลางวัน วันนี้คงได้สังหารมารดาของตนเองเป็นแน่"

เช้าวันรุ่งขึ้น เศรษฐีใหม่จึงนำเงินค่าปัญญาไปถวายพระด้วยความยอมรับนับถือ




ปัญญาเซน : ความระลึกได้ ความไม่เผลอ การคุมใจไว้กับกิจ นั่นคือสติ สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดย่อมเกิดปัญหา







ที่มา : หนังสือ 《菩提树下听禅的故事》, 惟真 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 中国华侨出版社, 2004.08, ISBN 7-80120-851-X

Sunday, January 20, 2013

นิทานเซน : ชาวนาซื้อที่ดิน

คนผู้หนึ่ง เอ่ยถามอาจารย์เซนว่า "สิ่งใดน่ากลัวที่สุดในโลก?"

อาจารย์เซนตอบว่า "ความอยาก"

คนผู้นั้นยังคงไม่เข้าใจ อาจารย์เซนจึงเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้เขาฟัง ใจความดังนี้

ยังมีชาวนาผู้หนึ่ง ต้องการหาซื้อที่ดินสักหนึ่งผืน เขาได้ยินมาว่ามีคนต้องการขาย จึงได้เดินทางไปพบเพื่อติดต่อขอซื้อ เมื่อไปถึง ชาวนาจึงได้เอ่ยถามคนผู้นั้นว่า "ที่ดินของท่านขายอย่างไร?"

ผู้ที่ต้องการขายที่ดินตอบว่า "ขอเพียงท่านมอบเงิน ให้ข้า 1000 ตำลึงเท่านั้น จากนั้นให้เวลาท่านหนึ่งวันเต็มๆ นับจากพระอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ให้ท่านออกเดินเท้าไปรอบๆ ที่ดิน หากท่านสามารถเดินวนไปได้ไกลเท่าไหร่ ที่ดินเหล่านั้นล้วนนับเป็นของท่าน แต่หากว่าท่านเดินทางกลับมายังจุดเริ่มต้นไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน ท่านจะไม่ได้ที่ดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว"

ชาวนาได้ฟังดังนั้นในใจก็คิดว่า "เช่นนี้ก็ไม่เลว ข้ายอมลำบากหนึ่งวัน เดินให้เร็วที่สุด ไกลที่สุด เพื่อที่จะได้ที่ดินกว้างใหญ่ การซื้อขายนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก" ดังนั้นเขาจึงตกลงทำสัญญากับผู้ขายที่ดินรายนั้น

วันรุ่งขึ้น เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ชายชาวนาก็เร่งฝีเท้าจ้ำเดินออกไปทันที เมื่อถึงยามเที่ยงวัน เขาหันหลังกลับมามองก็พบว่าเขามาไกลจนมองไม่เห็นจุดเริ่มต้นแล้ว จึงค่อยเลี้ยงโค้งเพื่อเดินวนไปอีกด้านหนึ่ง พร้อมทั้งก้าวเดินต่อไปโดยไม่ยอมหยุดพัก แม่ว่าจะหิวโหยและเหนื่อยอย่างยิ่งก็ตาม เขาก้าวเดินต่อไป ต่อไป จนกระทั่งพบว่าพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว ในใจเขาจึงร้อนรนขึ้นมาเพราะเกรงว่าหากกลับไปไม่ทันพระอาทิตย์ตกจะหมดสิทธิ์ ครอบครองที่ดินทั้งหมด เขาจึงรีบหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังจุดเริ่มต้น แต่พระอาทิตย์ก็ใกล้จะลาลับฟ้าเต็มที เขาที่ทั้งเหน็ดเหนื่อย ตื่นเต้น และหิวโหยพยายามเร่งฝีเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งเหลือเพียงสองก้าวจะถึงจุดเริ่มต้น ทว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามีได้ถูกใช้หมดสิ้นไปแล้ว สุดท้ายได้แต่ล้มลง ณ ที่นั้น ขณะล้มลงมือทั้งสองพลันทาบทับไปที่จุดเริ่มต้นพอดีกับที่พระอาทิตย์ลาลับฟ้า พร้อมกับชายชาวนาที่ล้มหายใจขาดห้วง สิ้นใจไปในลักษณะนั้น

"ที่ดินผืนกว้างใหญ่มหาศาลตกเป็นของชาวนาตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่จะมีความหมายอันใด ในเมื่อเขาไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว"

เมื่อจบเรื่องราวที่อาจารย์เซนเล่า เหล่าศิษย์ก็กระจ่างในใจ เข้าใจว่าเหตุใด "ความอยาก" จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก

ปัญญาเซน : กิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์

Saturday, January 5, 2013

คำแนะนำสำหรับปีใหม่จาก ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’

เราเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยความกระตือรือร้นที่หดหู่ และ การมองโลกแง่ดีที่ถูกทำลาย

ความสุขของเราถูกเจือจางลง และ ความสงบสุขของเราถูกคุกคามด้วยเชื้อป่วยไข้ของเศรษฐกิจ ที่ระบาดมายังครอบครัว องค์กร และ ประเทศชาติของเรา

เราทุกคนต่างค้นหายารักษาอย่างสิ้นหวัง เพื่อรักษาความเจ็บป่วยของเศรษฐกิจ และให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

พวกเราต่างฝากความหวังไว้กับผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ว่าพวกเขาจะจัดหายารักษาให้แก่พวกเราได้

ทั้งที่จริง พวกเราคงลืมไปว่า… ก็ไม่ใช่พวกผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเหล่านี้หรอกหรือ ที่เป็นคนสร้างความวุ่นวายทางเศรษฐกิจนี้ขึ้นมาเอง
ทุกๆปีใหม่ ผมนำ “คติพจน์เก่าๆ” มาเป็น “ไฟนำทาง” อนาคตของผม

สูตรบำบัดรักษาตัวเองต่อไปนี้ ให้ความมั่นใจกับผมว่า…

ในแต่ละปีที่ผ่านไป ผมเติบโต-อย่างมีปัญญามากขึ้น ไม่ใช่แก่-อายุมากขึ้น

ปีนี้ผมจึงขอเชิญชวนทุกคน ให้นำความคิดคุณเจาะเข้าถึงข้อคิดที่ให้สติทางการเงินนี้ร่วมกัน และกลายเป็น ผู้ที่ชาญฉลาดทางเศรษฐกิจ

ความขยัน : ทุกความขยัน…นำรายได้มาให้, แค่พูด…มีแต่นำความยากจนมาให้

ขี้เกียจ : กุ้งลอบสเตอร์ที่หลับ จะถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป

เงินที่หาได้ : อย่าพึ่งพา “แหล่งรายได้เพียงทางเดียว” เป็นอันขาด (อย่างน้อย ทำให้ “การลงทุนใดๆ” เกิดเป็นรายได้แหล่งที่ 2 ของคุณ)

การใช้จ่าย : ถ้าคุณ “ซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น”, คุณจะต้อง “ขายสิ่งที่จำเป็น”…ในไม่ช้า

การออม : อย่าเพียงออมเท่าที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ให้ใช้จ่ายในส่วนที่เหลือจากการเก็บออมแล้ว

การยืม : คนเป็น“ลูกหนี้” กลายเป็น…“ทาสของเจ้าหนี้”

ทำบัญชี : จะมีประโยชน์อะไรในการกางร่ม, ถ้ารองเท้าของคุณฉีกขาดอยู่

ตรวจสอบ : ระมัดระวังแม้รายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ, รอยรั่วเล็กๆ สามารถจมเรือใหญ่ๆได้

การเสี่ยง : อย่าตรวจความลึกของแม่น้ำด้วยเท้า 2 ข้างเป็นอันขาด (มีแผนอื่นรองรับไว้ให้พร้อม)

การลงทุน : อย่าใส่ไข่ทั้งหมดของคุณ…รวมไว้ในตระกร้าเพียงใบเดียว

ผมมั่นใจว่า… ใครก็ตามที่ฝึกปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้อยู่แล้ว เป็นผู้ที่ดำรงการมีฐานะการเงินที่แข็งแรงไว้ได้

ผมมั่นใจเท่าๆกันด้วยว่า… ใครก็ตามที่เริ่มต้นฝึกปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้ จะกลับมาเป็นผู้มีฐานะการเงินที่เข้มแข็งได้อย่างรวดเร็ว

ขอเราทุกคนต่างกลายเป็น ผู้ที่มีปัญญามากขึ้น และ นำไปสู่ความสุข มีชีวิตที่แข็งแรง, มั่งคั่งและ สงบสุข

*************************

คำแนะนำสำหรับปีใหม่จาก ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’

25 ก.พ. 2552

แปลและเรียบเรียง โดย โอกาส ชาญเชาวน์กุล