Saturday, June 26, 2010

30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต‏

1. ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นในแต่ละวัน
2. ไปเที่ยวที่ที่คุณไม่เคยไป กับคนที่คุณไม่เคยคิดจะลืม
3. ซื้อความสุข ด้วยรอยยิ้ม
4. คุยกับคนแปลกหน้า เพื่อหาเพื่อนใหม่

5. ช่วยคนอื่น เมื่อคุณสามารถช่วยได้
6. สังเกตสิ่งรอบๆตัว อาจพบความสุขเล็กๆ เข้ามาในชีวิต
7. อยู่เงียบๆ กับตัวเองวันละ 5 นาที... เพื่อคิด
8. ทุ่มตัวเองเต็มที่ กับการหาทางแก้ปัญหา ที่คุณกำลังเผชิญอยู่

9. คบคนที่มองโลกในแง่ดี
10. เข้าคอร์สเรียนเพิ่มเติม ในเรื่องที่คุณสนใจ
11. จัดเวลา นัดเจอ เพื่อนสนิท ในแต่ละเดือน ไป กิน เที่ยว เล่น
12. มองพระอาทิตย์ขึ้น สัปดาห์ละครั้ง

13. ดูพระอาทิตย์ตกดิน สัปดาห์ละครั้ง
14. ปลูกผักเอง เอาไว้ทานเอง
15. ไปหาเพื่อน ที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี
16. หยุดตามกระแสสักนิด และทำตามแนวคิดที่เหมาะสำหรับตัวเอง

17. บอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป
18. ค้นหา ประสบการณ์ดีๆ แปลกใหม่ ให้กับชีวิต
19. เลิกกังวลกับสิ่งที่คุณไม่มี และมีความสุขในสิ่งที่คุณมี
20. โรแมนติก ทำเซอร์ไพรซ์คนที่คุณรัก

21. หยุดเสียเวลา กับเรื่องหยุมหยิมที่ไม่จำเป็น
22. รับประทานอาหารให้ช้าลง ลิ้มรสความอร่อย
23. ขอความช่วยเหลือ เมื่อต้องการ เพราะคุณจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ หากไม่เอ่ยปาก
24. ถามคำถาม เมื่อสงสัย... ช่วยประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากใจ

25. เล่นสนุกบ้าง ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว
26. ทำอะไรทีละอย่าง จะได้ทำออกมาได้ดี
27. ฝึกความพอเพียงพอดี เมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ จะไม่มีใคร เอาไปจากคุณได้
28. รักษาสัญญา

29. ดูตลก ฟังเรื่องตลก และแบ่งปันกับคนอื่น
30. เปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ของคุณ กับงานศิลปะ เช่นดนตรี ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ฯลฯ

Friday, June 25, 2010

จงปล่อยวางกับชีวิตเสียบ้าง..แล้วชีวิตจะดีขึ้น









เรื่องดีๆ โดยธรรมะของท่าน ว.วชิรเมธี


เรื่อง ประตูสองบาน

ประตูมีหลายแบบ
ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน

บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง
ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก

และใช้ชีวิตแบบผลัก
ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน

ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก
ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาแก้ไม่ได้ หรือประตูเปิดไม่ได้

หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้ ' ความคิด '
เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย



ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี มีพี่ๆ ที่รู้จักไปนั่งฟังมา ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้
1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก '
คน ที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ' จิตประภัสสร ' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '
2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
' แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน '
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร ' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา ' หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น '
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' ย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน '
' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา
4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
' ตัณหา ' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม '
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า ' เิกิดมาทำไม ' ' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ' ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ
' คำว่า ' พอดี ' คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ ' ดี ' รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข '

Monday, June 21, 2010

กษัตรย์ไทยทรงช้างในศึกรบมิใช่ทรงหมี

จาก.....หมีแพนด้า ถึงช้างไทย ใยแตกต่าง



ลำนำทาง พรางความคิด ให้ผิดหวัง



เคยกรำศึก ยิ่งใหญ่ ให้ไทยยัง



ได้อยู่ยั้ง ยืนยง คงเป็นไทย.....



.....จูงมือลูก ผูกมือหลาน ไปดูหมี



เจ้าตัวน้อย แสนดี คลอดมาใหม่



ลืมช้างพัง ลืมช้างพลาย ของเราไป



เป็นเหตุให้ ช้างไทยถูก ทารุณกรรม.....



.....เหลียวหันกลับ มามองกัน สักนิดเถิด



สัตว์ที่เชิด ชูกู้ชาติ อย่างระห่ำ



คือช้างไทย เกรียงไกร วีระกรรม



อย่าเหยียบย่ำ ให้ถม ลงจมดิน.









ผู้จัดการวังช้างอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา



เปิดเผยว่า ตน ยอมรับว่าการทาสีช้างเป็นช้างแพนด้านั้น


ใจจริงมีนัยยะแอบแฝงที่ต้องการประชดรัฐบาล


และสื่อให้เห็นว่ากระแสสังคมและรัฐบาล


ให้ความสำคัญกับหมีแพนด้ามากเกินไป


ทั้งๆ ที่หมีแพนด้าเป็นสัตว์ทูตสันถวไมตรีจากประเทศจีน


และไม่ใช่สมบัติของไทยหรือสัตว์ของไทยแท้ๆ


แต่ทุกคนกลับให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก


และให้ความสำคัญจนโอเวอร์


กระทั่งเมินที่จะให้ความสำคัญกับสัตว์


สายพันธุ์ของประเทศไทย ในทางกลับกัน


ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย


และทำคุณกับแผ่นดินไทยมามาก


แต่รัฐบาลและคนไทยกลับไม่มีใคร


เห็นความสำคัญมากนัก


โดยเฉพาะกรณีที่มีข่าวว่า


จะมีการสร้างที่อยู่ให้หมีแพนด้า


โดยใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท


ในความเป็นจริงตนมองว่าเป็นการสิ้นเปลือง


งบประมาณโดยใช่เหตุ เพราะอีกไม่นาน


หมีแพนด้าก็จะต้องกลับไปอยู่ที่ประเทศจีน


ซึ่งเป็นบ้านเกิดและเป็นบ้านของ


เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงของหมีแพนด้า

หมีแพนด้า...มาจากจีน ยีนต่างชาติ

กลับประกาศ ก้องกู่ ให้รู้ทั่ว

ข่าวตีพิมพ์ เขียนเข้า เอาพาดหัว

ดั่งว่าตัว หมีเล่า เป็นเผ่าไทย



ช้างไทยเรา..เอาไว้ แห่งใดกัน

ทิ้งขว้างมัน นั้นลง ไม่คงไว้

จากประวัติ ขจัดขจร ก่อนเป็นไทย

เคยคิดไหม ในค่า อาชาชร


หมีแพนด้า..มาเกิด ก็เลิศนัก

มีคนรัก รับขวัญ กันสลอน

จัดงานเลี้ยง ครบเดือน เกลื่อนคำพร

บายศรี-ฟ้อน อ่อนช้อย ร้อยระบำ


ช้างไทยถิ่น..ดินแดน แคว้นล้านนา

ถูกเข็ญฆ่า ล่าเลือด เชือดให้ช้ำ

บ้างถูกยิง ถูกเลื่อยงา ตาดำๆ

ช่างน่าขำ ทำได้หนา ไม่ปรานี


หมีแพนด้า..มาที ก็มีสุข

ไม่มีทุกข์ ดั่งช้างไทย ให้บัดสี

หมีแพนด้า....อยู่สบาย ไร้ไพรี

แต่กลับที ช้างไทย ไร้ป่านอน


ช้างไทยเรา..เอาไว้ ที่ไหนหนอ

เห็นเดินขอ ทานกิน ทุกถิ่นถอน

ไม่มีแม้ แต่ป่า น่าอาวรณ์

เดินสัญจร ท้องถนน รถชนตาย


.อันสยาม เป็นไท ได้เพราะช้าง

กุญชรสร้าง ให้ยิ่งใหญ่ ใช่น้องหมี

จึงคงความ เป็นไทย ถึงวันนี้

ก็เพราะมี ช้างไทย ใช้กู้เมือง...